MORNING CALL ACTION NOTES (12 พ.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (12 พ.ค.60)

ติดตามประกาศงบ Q1/60

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงแรงจากแรงขายกลุ่มถ่านหินหลังราคาถ่านหินทรุดตัวต่ำสุดในรอบ 7 เดือน อีกทั้งมีแรงขายกลุ่มหุ้นที่ประกาศงบ Q1/60 แย่กว่าคาด ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,550.27 จุด (-10.04 จุด) ด้วย Volume 5.4 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +2,437 ลบ. TFEX Net -9,642 สัญญา และตราสารหนี้ไทย Net +807 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+/- ตลาดหุ้น DJ อ่อนตัวลงเล็กน้อย จากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ รวมถึงกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

+/- BOE คงดอกเบี้ยที่ 0.25% และ QE ที่ 4.35 แสนล้านปอนด์ตามคาด

+ จำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 236,000 ราย

+ ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นล่าสุด 47.9 US/Barrel หลังอิรักและอัลจีเรียสนับสนุนการขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมันของกลุ่มในและนอกโอเปกไปจนถึงสิ้นปี

+ Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Buy 3 วันราว 3.5 พันลบ. และเงินบาททรงๆตัวล่าสุด 34.7 Bath/USD.

+ EU คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนจะขยายตัว 1.7% ในปีนี้ และ 1.8% ในปีหน้า อัตราการว่างงานในยูโรโซนจะลดลงสู่ 9.4% ในปีนี้ (จากระดับ 10.0% ในปีที่แล้ว) ก่อนที่จะลดลงต่อไปสู่ระดับ 8.9% ในปีหน้า

** ติดตามการประกาศงบ Q1/60 ของบริษัทฯซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีมีความผันผวนในช่วงนี้

** วันประกาศงบ 12 พ.ค. RATCH / 15 พ.ค. TRUE PTT TOP CK

ตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยบวก/ลบที่คละเคล้า โดยราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นรวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่พลิกเป็น Net Buy 3 วันราว 3.5 พันลบ.เป็นบวกต่อทิศทางตลาด อย่างไรก็ตามความกังวล FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.ยังคงเป็นตัวถ่วงดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,540 – 1,560 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- รัฐปรับเพิ่มการใช้ BIODIESEL จาก B5 เป็น B7 GGC EA BCP UAC

- 15 พ.ค. ประกาศ MSCI รอบใหม่ คาด TCAP ได้เข้าคำนวณ

- หุ้นที่คาดว่ากำไร Q1/17 เติบโต TOP WICE JWD LIT

หุ้นแนะนำพิเศษ

BCPG Analyst Meeting  (ราคาปิด 13.50 Bloomberg Consensus 15.00)

- รายงานกำไร 1Q60 อยู่ที่ 454 ล้านบาท +16%YoY (ไม่รวมการปรับปรุงกำไรใน 1Q59 อีก 223 ล้านบาท จากการซื้อ SunEdison Japan) และ +299%QoQ เนื่องจากมีกำไรจากการขายที่ดินและสิทธิ์ในโครงการ Suimei Japan 62 ล้านบาท นอกจากนี้ได้รับแรงหนุจากการ COD โรงไฟฟ้าโซลาร์สหกรณ์ 12 MW และโรงไฟฟ้าโซลาร์ญี่ปุ่นอีก 11 MW ทำให้มีกำลังการผลิตรวม 160 MW (ไทย 130 MW และญี่ปุ่น 30 MW)

- เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลม 20 MW (COD แล้ว 14.4 MW กำลังก่อสร้าง 5.6MW) ในฟิลิปปินส์ และเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่อินโดนีเซียอีก 182 MW (COD แล้ว 158MW และกำลังก่อสร้าง 24 MW) ซึ่งคาดว่ากระบวนการจะลงทุนจะแล้วเสร็จภายใน 2Q/60

- ความเห็น แนวโน้มผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าโซลาร์สหกรณ์และญี่ปุ่นรวม 23 MW เต็มไตรมาหส อีกทั้งราคาขายไฟฟ้าปรับตัวขึ้นตามค่าผันแปรไฟฟ้า (Ft) เพิ่มขึ้นอีก 12.52 สตางค์ต่อหน่วยและมีโอกาสปรับขึ้นอีกครั้งช่วงเดือนต.ค.ตามราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับขึ้น(โซลาร์กำลังการผลิต 118MW เป็นรูปแบบ Adder) นอกจากนี้หากการเข้าลงทุนในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียแล้วเสร็จภายใน 2Q60 จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามวิธี Equity Method ได้ในช่วงครึ่งปีหลังช่วยหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม

หุ้นมีข่าว

- ปัจจัยลบกลุ่มถ่านหิน – ราคาถ่านหินปรับตัวลงสู่ระดับ 74 ดอลลาร์ต่อตันแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จากอุปสงค์ที่อ่อนแอลงของจีน 1)ความต้องการใช้ไฟฟ้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และ2) ราคาเหล็กรับตัวลง โดยสัญญาซื้อขายเหล็กล่วงหน้าส่งมอบเดือน ก.ย. ของจีนราคาแตะ 445 หยวนต่อตันแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่อุปทานทรงตัวเพราะรัฐบาลจีนไม่ปรับลดวันทำงานของเหมืองถ่านหินลงจาก 330 วันทำการแม้ว่าจะผ่านช่วงที่มีความต้องการสูงสุดไปแล้ว

- TM (ราคาปิด 3.36 ถือ ราคาเหมาะสม 3.78) รายงานกำไร 1Q60 อยู่ที่ 7.89 ล้านบาทเติบโต 4%YoY และเติบโต 87%QoQ โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 7%YoY เป็นผลจากการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งชดเชยต้นทุนขายที่ทรงตัวในระดับสูงที่ 59% เนื่องการการแข่งขันที่สูงทำให้ไม่สามารถปรับขึ้นราคาสินค้าได้ และชดเชยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาทจาก 1Q59 สู่ 51 ล้านบาทจากการเพิ่มขึ้นของพนักงานขายได้

- TSR (ราคาปิด 4.92 ราคาเหมาะสม 7 บาท มีแนวโน้มปรับประมาณการลงเพราะกำไรคิดเป็นเพียง 15% ของประมาณทั้งปีที่ 130 ล้านบาท) รายงานกำไร 1Q60 อยู่ที่ 19 ล้านบาท -39%YoY เพราะอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลง 1.5%YoY สู่ 74% และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวขึ้น 9%YoY อย่างไรก็ตามผลประกอบการ +43%QoQ เนื่องจากการตั้งสำรองหนี้สูญลดลง 23.5 ล้านบาทสู่ระดับ 45 ล้านบาท

- TRC (ราคาปิด 1.28 ซื้อ ราคาเหมาะสม 1.53 บาทปรับลด diluted 12.5%) รายงานกำไร 1Q60 ขาดทุนสุทธิ 40 ล้านบาท -161%YoY และ -130%QoQ เนื่องจากรายได้ลดลง 14%YoY และอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงจาก 15% สูระดับ 10% เนื่องจากรับรู้งานก่อสร้างโยธาเป็นหลัก และค่าใช้จ่ายในการบริหารปรับตัวขึ้น 43 ล้านบาท +52%YoY จากรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้มีรับรู้ผลขาดทุนจาก APOT อีก 29 ล้านบาทมากดดันผลประกอบการเพิ่มเติม

- PTTGC (ราคาปิด 72 Bloomberg Consensus 78.34) รายงานกำไร 1Q60 ที่ 13,182 ล้านบาท +180%YoY และ+35%QoQ จากแรงหนุนจากธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ส่วนต่างผลิตภัณฑ์พาราไซลีนและเบนซีนปรับตัวขึ้น 17% และ 59% ตามลำดับ และธุรกิจโอเลฟินส์ที่ปรับตัวขึ้นตามราคาผลิตภัณฑ์ MEG และ Butadiene ขณะทีธุรกิจโรงกลั่นผลประกอบการอ่อนตัวตามส่วนต่างน้ำมันดีเซล น้ำมันอากาศยาน และน้ำมันเตาที่ปรับตัวลง 2% 8% และ 87% ตามลำดับ

- ประเด็นบวก PTTEP (ราคาปิด 95 Bloomberg Consensus 103.04) รมว.พลังงาน เตรียมเสนอครม.ในมิ.ย.พิจารณาประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ เชื่อไม่กระทบแม้อาจล่าช้ากว่าแผน 1-2 เดือน

- CPF (ราคาปิด 25 Bloomberg Consensus 38.18) ออกหุ้นเพิ่มทุน 1.55 พันล้านหุ้น ขายผถห.เดิม 5:1 ที่ราคา 25 บาท จะนำเงินจากการเพิ่มทุนใช้คืนเงินกู้-หุ้นกู้ 2.7 หมื่นลบ. และสำรองลงทุนในอนาคต 1.17 หมื่นลบ.

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -23.69 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,919.42 จุด ลดลง 23.69 จุด หรือ -0.11% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,394.44 จุด ลดลง 5.19 จุด หรือ -0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,115.96 จุด ลดลง 13.18 จุด หรือ -0.22%หลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.50 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 47.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้แรงหนุนหลังจากอิรักและอัลจีเรียได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนการขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงสิ้นปีนี้



Analyst Meeting : QH   (ราคาปิด 2.50 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 3.40 บาท)

• ผู้บริหารเปิดเผยว่ากำไรสุทธิ 1Q60 จำนวน 653 ลบ.-4%QoQ -12%YoY เนื่องจากมีรายได้จากการโอนคอนโดฯน้อยมากเพียง 200 ล้านบาทเศษ ยอดขาย presale ทำได้ 3 พันลบ.คิดเป็น 17% ของเป้าทั้งปีที่ 1.8 หมื่นลบ. ปลาย 1Q60 มียอดขายรอโอน (backlog) ราว 5.7 พันลบ.มีกำหนดโอนในปีนี้ราว 3 .5 พันลบ.

• ความเห็น : กำไร 1Q60 คิดเป็น 17% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ราว 3.8 พันลบ. เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 60 ตามเดิมเนื่องจากแนวโน้มกำไร 2H60 มีแนวโน้มสูงกว่า 1H60 จากแผนเปิดขายโครงการใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงปลายปี ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะปรับดีขึ้นกว่าช่วง 1Q60

Analyst Meeting : LPN   (ราคาปิด 11.20 ขาย ราคาเหมาะสม 10.80 บาท)

• กำไร 1Q60 เท่ากับ 315 ลบ. -55%YoY โดยมีรายได้ 2.5 พันลบ.-79%YoY อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ 30.7% ปลาย 1Q60 มียอดขายรอโอน 5,061 ลบ. ส่วนที่จะโอนภายในปีนี้มีจำนวน 2.9 พันลบ.

• ผู้บริหารยืนยันแผนเปิดขายใหม่ 12 โครงการในปีนี้มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท ชัดเจนแล้ว 8 โครงการ คงเป้ายอดขาย presale ตามเดิมที่ 2 หมื่นล้านบาท 4M60 ทำได้ 5.9 พันล้านบาท คิดเป็น 29% ของเป้า

• ความเห็น : กำไร 1Q60 คิดเป็น 21% ของประมาณการทั้งปีที่ 1.5 พันล้านบาทซึ่งหดตัว 30%YoY เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคง
ประมาณการตามเดิม เนื่องจากคาดกำไร 2H60 น่าจะมากกว่า 1H60 จากจำนวนโครงการที่เริ่มโอนจำนวน 6 โครงการใน 2H60 เทียบกับ 2 โครงการใน 1H60