ดับเครื่องชน! ผู้ค้าสัตว์น้ำจืดส่งออกจ่อเปิดโปง คดีฉาวไม่คืบ

ดับเครื่องชน! ผู้ค้าสัตว์น้ำจืดส่งออกจ่อเปิดโปง คดีฉาวไม่คืบ

ทนายดัง เผยคดีฉาว ผู้เสียหายลุยดับเครื่องชนจนทรัฐ กรณีค้าสัตว์น้ำจืดส่งออก ทนไม่ไหวจะเปิดโปง-หลังไม่คืบหน้า

นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ค ระบุว่า ผู้ค้าสัตว์น้ำจืดส่งออกรอ "ดับเครื่องชน" เปิดโปงจันทร์ที่15พค.นี้

คดีนี้ตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบันคดีล่าช้ามาก เชื่อว่าอาจมีบางสิ่งบางอย่างหรือไม่? หรือเพราะต้องการรักษาหน้าและภาพลักษณ์ขององค์กรไว้ หรือไม่มันจึงสะดุดหยุดลงโดยไม่มีความคืบหน้าคดีเท่าที่ควร

สืบเนื่องจากที่ บจก. ซี อินเตอร์เนชั่นแนล โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด โดยนายพิสิทธิ์ หล้าสุดตากก.ผจก. ผู้มีอำนาจฯ ไม่เคยล่วงรู้มาก่อน ว่าจะมีนิติบุคคลบางแห่ง 4-5ราย เบื้องต้นที่ได้ร่วมกันบังอาจกระทำความผิดทางอาญาต่างกรรมต่างวาระ

ด้วยการลักลอบใช้ชื่อบริษัทของนายพิสิทธิ์ฯ ซึ่งได้รับมาตรฐานภายใต้สัญญาลักษณ์ในการส่งออกนั้น นำไปใช้ชื่อสำหรับการส่งออกตลอดมา โดยความมาแตก เมื่อต่างประเทศมีหนังสือแจ้งกลับมาว่า บริษัทของนายพิสิทธิ์นี้ไร้คุณภาพและมาตรฐานดังกล่าว

นายพิสิทธิ์ จึงเดินหน้าชนทุกรูปแบบ เดินหน้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจจริง โดยเชื่อว่าน่าจะมีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานกรมประมงเกี่ยวข้องหรือไม่

โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนเอื้อประโยชน์ให้กับนิติบุคคลรายอื่น ใช้ชื่อบริษัทของนายพิสิทธิ์ในการส่งออกมาโดยตลอดและแล้วจุดเริ่มต้นก็เริ่มขึ้นในปี 2558

นายพิสิทธิ์ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเลขาธิการ ปปช. เพื่อให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจจริงหากพบการกระทำความผิดก็ขอให้พิจารณาดำเนินคดีกับผู้บริหารระดับสูงของกรมประมง เฉพาะที่เกี่ยวข้องอันเป็นการเฉพาะรายและทราบว่ามีการไต่สวนแล้ว

กรมประมงตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงกับผู้บริหารระดับสูง (ซี10)บางคนและยังไม่มีการขยายผลถึงผู้หนึ่งผู้ใดรวมทั้งยังคงปฏิบัติหน้าที่ดังเดิมอยู่หรือไม่

นายพิสิทธิ์ฯร้องทุกข์ค่อปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯและต่อคณะกรรมาธิการกระบวน การยุติธรรมทางกฏหมาย สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวและมีข่าวในทางลับ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและให้มีอำนาจตามกฏหมาย

กองปราบปราม (กก.1ป.) ออกหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นคนไทยและคนต่างชาติประมาณ9คน ขณะนั้นมีนิติบุคคลเกี่ยวข้องในปี2558 เท่าที่ได้ทำการตรวจพบเบื้องต้นประมาณ4รายซึ่ง ในขณะนี้ผู้ต้องหาได้มอบตัวแล้วประมาณ 6 คน โดยคนต่างชาติได้หลบหนีหมายจับขณะนี้

ครั้นต่อมามีการโอนสำนวนคดีมายังที่ตำรวจนครบาล และอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนและขยายผลติด ตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิด

เรื่องนี้เชื่อว่า ฯพณฯนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, และรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านยังไม่ทราบข่าว! เชื่อว่ามีการปกปิด ข่าวและมีการล็อบบี้!?

แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องนี้ทางหน่วยงานที่กำกับดูแลและกำกับการบริหารงานนั้นได้จัดการอย่างเด็ดขาดหรือยังในการล้างบางจนท.ในกรมประมง (ถ้าพบการกระทำผิด) แล้วหรือยัง

เอาเฉพาะจนท.ที่เกี่ยวข้อง ถ้าผิดก็คือผิด ส่วนถ้าไม่ผิดก็คือไม่ผิด หรือมีข่าวว่าจะอุ้มกันหรือช่วยกันต่อไม่ หรือจะปกปิดรอให้เรื่องเงียบ

นำเรียนท่านปลัดและรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงฯ ท่านต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการทุจริตรวมทั้งนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง

ส่วนนิติบุคคลที่ลักลอบนำชื่อบริษัทของนายพิสิทธิ์ฯไปปลอมแปลงเอกสารและประทับตราปลอมอีกทั้งนำไปใช้ในการส่งออกนั้น ทราบว่านายพิสิทธิ์ฯทราบรายชื่อเพิ่มเติมทั้งใหม่และเก่าหมดแล้ว

ซึ่งจะได้นำเอกสารหลักฐานการปลอมฯและใช้มาแถลงต่อสื่อสารมวลชนในเร็วๆนี้ ว่ามีนิติบุคคลอะไรบ้างและจะแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ขึ้นบัญชีดำรวมทั้งคู่ค้าที่หลงเชื่อจากการหลอกลวงทั้งหมด

นายพิสิทธิ์ฯแจ้งว่าเตรียม "ดับเครื่องชน" จันทร์ที่15พค.นี้เป็นต้นไป เพราะทนไม่ไหวในการต้องมาแบกรับปัญหาที่ตนเองมิได้ก่อและปัญหาความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นต่อตนและบริษัทอย่างมหาศาล รวมทั้งต่อประเทศในการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของจนท.รัฐร่วมกันกับนิติบุคคลเอกชนในการส่งออกไร้คุณภาพและมาตรฐานที่ผ่านมา