MORNING CALL ACTION NOTES (11 พ.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (11 พ.ค.60)

เลือกเล่นรายตัว

ตลาดหุ้นไทยวันก่อนทรุดตัวลงนำโดย BANPU ที่ได้รับภาวะเชิงลบจากราคาถ่านหินปรับตัวลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 7 เดือน อีกทั้งมีแรงขายปรับพอร์ทกลุ่มหุ้นที่ประกาศงบ Q1/60 อ่อนแอ ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,560.31 จุด (-7.71 จุด) ด้วย Volume 4.3 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +386 ลบ. TFEX Net +13 สัญญา และตราสารหนี้ไทย Net +5,176 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+/- ตลาดหุ้น DJ อ่อนตัวลงเล็กน้อย จากความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังปธน.ทรัมป์ ปลดนายเจมส์ โคมีย์ พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการ FBI อีกทั้งประธานเฟดสาขาบอสตัน สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้

+ ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นล่าสุด 47.5 US/Barrel หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.2 ล้านบาร์เรล (มากกว่าคาด) รวมถึงข่าวโอเปกกำลังพิจารณาขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือน

+ กนอ.โชว์ยอดขายพื้นที่นิคมรวมในรอบ 6 เดือนของปีงบประมาณ 60 ได้ 1.5 พันไร่ เพิ่มขึ้น 8.5% จากปีก่อน สะท้อนแรงหนุนจากนโยบาย EEC คาดมีความต้องการพื้นที่อีกประมาณ 50,000 ไร่

+/- AOT จ่ายกรมธนารักษ์เช่าสุวรรณภูมิ 1.8พันล. จากเดิม 1.5พันล./ปี ประธานบอร์ดยันไม่กระทบรายได้ (ข่าวหุ้น)

- BOJ ส่งสัญญาณเตรียมถอนตัวจากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

- เหตุระเบิดห้างบิ๊กซี จ.ปัตตานี มีผู้บาดเจ็บ 57 ราย

+/- Fund Flow ต่างชาติผันผวน โดยเป็น Net Buy 2 วันราว 1 พันลบ. แต่ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.ยังคงเป็น Net Sell 2.1 พันลบ. และเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุด 34.8 Bath/USD.

** วันประกาศงบ 11 พ.ค. PTTGC LPN / 12 พ.ค. RATCH / 15 พ.ค. TRUE PTT TOP CK

ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวก/ลบที่คละเคล้า โดยราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นรวมถึงแรงซื้อดักงบ Q1/60 เป็นบวกต่อดัชนี อย่างไรก็ตาม Fund Flow ที่ผันผวนรวมถึงเงินบาที่อ่อนค่าลงทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในทิศทางดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,553 – 1,570 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- รัฐปรับเพิ่มการใช้ BIODIESEL จาก B5 เป็น B7 GGC EA BCP UAC

- 15 พ.ค. ประกาศ MSCI รอบใหม่ คาด TCAP ได้เข้าคำนวณ

- หุ้นที่คาดว่ากำไร Q1/17 เติบโต PTTGC TOP BANPU WORK WICE JWD LIT



หุ้นแนะนำพิเศษ

BCP   Analyst Meeting   (ราคาปิด 33 Bloomberg Consensus 36.19)

- รายงานกำไร 1Q60 ที่ 2.08 พันล้านบาทเติบโต 675%YoY และ129%QoQ โดยรับแรงหนุนจากธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจสถานีจำหน่ายน้ำมัน รวมถึงมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 600 ล้านบาท

- ธุรกิจโรงกลั่นใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 110 KBD ลดลง 4%QoQ แต่ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้น 1.7 $/bbl สู่ระดับ 7 $/bbl เนื่องจากส่วนต่างน้ำมันดิบเดทต์เบรนกับน้ำมันดิบดูไบ(Crude Premium)ปรับตัวลง 2.9 $/bbl ชดเชยส่วนต่างน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวลง

- ธุรกิจสถานีจำหน่ายน้ำมันยอดจำหน่ายปรับตัวขึ้น 4%QoQ สู่ระดับ 1,539 ล้านลิตรตามการเปิดสถานีจำหน่ายน้ำมันเพิ่มเติม ขณะที่ค่าการกลั่นค่าการตลาดปรับตัวขึ้น 50%QoQ สู่ระดับ 0.84 บาทต่อลิตรเนื่องจากไตรมาสก่อนปรับราคาช้ากว่าต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น

- ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ปรับตัวดีขึ้นจากการรับรู้กำลังการผลิตโซลาร์สหกรณ์ และโซลาร์ญี่ปุ่นทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 41 MW สู่ 160 MW นอกจากนี้ธุรกิจไบโอดีเซลผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยตามนโยบายภาครัฐที่ให้ใช้น้ำมัน B5 เต็มไตรมาส

- แนวโน้มธุรกิจโดยรวมปรับตัวลง จากธุรกิจโรงกลั่นที่อาจมีผลขาดทุนสต็อกน้ำมันดิบ และธุรกิจสถานีจำหน่ายน้ำมันที่เริ่มเข้าสู่ช่วง Low season อย่างไรก็ตามธุรกิจโซลาร์จะรับรู้กำลังการผลิตจากญี่ปุ่น 19MW และโซลาร์สหกรณ์ 12 MW เต็มไตรมาส และธุรกิจไบโอดีเซลได้รับผลบวกจากรัฐปรับเพิ่ม B5 เป็น B7

หุ้นมีข่าว

- ประเด็นบวก PTTEP (ราคาปิด 94.25 ถือ ราคาเหมาะสม 97) ประกาศเตรียมพร้อมสู้คดี กรณีอินโดนีเซียฟ้องร้องน้ำมันรั่วลงทะเล เชื่อมั่นไม่กระทบระบบนิเวศ-สิ่งแวดล้อม ย้ำมีหลักฐานชัดเจน ลั่นไม่ตั้งสำรองเผื่อค่าเสียหาย (ที่มาข่าวหุ้น)

- TPCH (ราคาปิด 18.60 ซื้อ ราคาเหมาะสม 23.50) รายงานกำไร 1Q60 ที่ 64 ล้านบาทเติบโต 105%YoY และแต่หดตัวลง 9%QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวขึ้น 3 ล้านบาทและส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าลดลง อย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลประกอบการจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้หลัง COD โรงไฟฟ้าชีวมวล PGP (9.2MW) และรงไฟฟ้าSGP (9.2MW) ในไตรมาส 2 และ 3 ตามลำดับ

- SELIC (ราคาปิด 3.26 ซื้อ ราคาเหมาะสม 3.65) ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังโตเด่น ลุยปรับโครงสร้างธุรกิจอัพโต พร้อมทุ่มงบ 40 ล้านบาท เตรียมติดตั้งเครื่องจักรเพื่อเพิ่มไลน์การผลิตไตรมาส 3/2560 นี้ หวังเจาะกลุ่มลูกค้าเฟอร์นิเจอร์-ชิ้นส่วนยานยนต์ ปักธงทั้งปีรายได้โตเป็นตัวเลข 2 หลัก (ที่มาทันหุ้น)

- SPALI (ราคาปิด 24.70 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 27.40 บาท) ในช่วง 1Q60 มีกำไรสุทธิ 687 ลบ. -51%YoY ต่ำกว่าคาดการณ์ของ Consensus โดยมีรายได้จากการโอนลดลง 39%YoY ขณะที่ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร +5% ส่งผลให้ % ค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายรวมเพิ่มเป็น 16% จาก 9.3% ใน 1Q59

- LPN (ราคาปิด 11.50 ขาย ราคาเหมาะสม 10.80 บาท) คาดว่าจะประกาศงบ 1Q60 วันนี้หลังปิดตลาดภาคเช้า แนวโน้มกำไร 1Q60 มีโอกาสลดลงเมื่อเทียบ YoY เนื่องจากยอดขายรอโอนลดลง

- PTT (ราคาปิด 387 Bloomberg Consensus 411.30) คาดกระบวนการโอนทรัพย์สินธุรกิจน้ำมัน-ค้าปลีกให้ PTTOR อาจล่าช้าจากเป้าเดิม ก.ค.นี้

- QH (ราคาปิด 2.56 บาท ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 2.97 บาท) แจ้ง 1Q60 มีกำไรสุทธิ 653 ลบ. -4%QoQ -12%YoY เนื่องจากรายได้รวม -12%QoQ และ -33%YoY ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน +13%YoY

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -32.67 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,943.11 จุด ลดลง 32.67 จุด หรือ -0.16% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,399.63 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด หรือ +0.11% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,129.14 จุด เพิ่มขึ้น 8.56 จุด หรือ +0.14% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ประกาศปลดนายเจมส์ โคมีย์ พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 4 หลังจากบริษัทจดทะเบียนบางแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

ตลาดน้ำมัน NYMEX +1.45 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 1.45 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 47.33 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า ซาอุดิอาระเบียจะปรับลดปริมาณน้ำมันที่จะจัดส่งแก่ภูมิภาคเอเชีย