แม็กซัส จี 10  ว่าที่ เอ็มจี จีวี นุ่ม กว้าง นั่งสบาย

แม็กซัส จี 10  ว่าที่ เอ็มจี จีวี นุ่ม กว้าง นั่งสบาย

ปีนี้ตลาดรถยนต์ไทยจะได้เห็นสินค้าใหม่จากค่ายเอ็มจีอย่างน้อย 2 รุ่น ทั้งเอ็มพีวี และครอสโอเวอร์ โดยตัวแรกที่จะเข้ามาก่อนก็คือ เอ็มจี จีวี ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ผมมีโอกาสสัมผัสรถรุ่นนี้ที่จีน

       ไม่ต้องแปลกใจครับว่าภาพที่เห็นนี้โลโก้จะไม่ใช่เอ็มจี แต่เป็นแมกซัส แต่ว่ามันจะเป็นตัวเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่ยี่ห้อจะแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด ที่จีนจะขายเป็นแมกซัส จี 10 ที่ไทยจะเป็น เอ็มจี จีวี ดังนั้นเมื่อไปขับที่จีน ก็ได้ขับแมกซัส

       ทั้งเอ็มจี และแมกซัส มีความสัมพันธ์กันตั้งแต่ที่อังกฤษซึ่งเป็นต้นกำเนิดของทั้ง 2 ยี่ห้อ แต่ว่าที่นั่นแมกซัส ไม่ได้ชื่อแมกซัส แต่คือ แอลดีวี แต่เมื่อ เอสเอไอซี มอเตอร์ ยักษ์ใหญ่ของจีนซื้อกิจการมา ไม่ได้ยี่ห้อมาด้วย ได้แต่สินค้าได้เทคโนโลยีมา และแมกซัสเป็นชื่อรถรุ่นหนึ่งของแอลดีวี เอสเอไอซี ก็เลยหยิบขึ้นมาเป็นชื่อยี่ห้อใหม่เสียเลย และทุกวันนี้สมบัติของทั้ง 2 ยี่ห้อ ก็ถูกใส่เข้าไปในส่วนกลาง และอาจรวมกับยี่ห้ออื่นๆ ในเครือด้วย เหมือนหอสมุดนั่นแหละ ทีนี้ใครอยากได้อะไรจากคลังเทคโนโลยีแห่งนี้ก็ไปหยิบเอามาใช้ตามความเหมาะสมของสินค้าและของตลาด

       เอสเอไอซี จัดกิจกรรมทดสอบให้กับสื่อ 13 ประเทศ กว่า 40 คน ที่ศูนย์ทดสอบ (proving ground) ซึ่งตั้งแต่อยู่กว่างเต๋อ ห่างจากเซี่ยงไฮ้ประมาณ 2 ช่วงหลับ โดยรถบัส ซึ่งมีรถหลายๆ รุ่นให้ลองกัน ไม่เฉพาะจี 10 แต่ยังมีทั้งเอ็มจี จีเอส เอ็มจี ซีเอส รถปิกอัพ แมกซัส ที 60 และโรเว่ อีกหลายคัน รูปแบบการทดสอบก็แตกต่างกันไป แต่ต้องบอกก่อนว่าไม่ได้ทดสอบกันมากมายอะไรนัก เอาแค่พอหอมปากหอมคอ พอได้ทำความรู้จักกันในเบื่้องต้น เนื่องจากมีข้อจำกัดทั้งด้านเวลา และจำนวนสื่อ

       สำหรับจี 10 ได้ลองในเส้นทางที่จำลองมาจากถนนเล็กๆ มีโค้งบ้าง รวมถึงโค้งยูเทิร์น 2 โค้ง กว้าง 1 โค้ง แคบอีก 1 โค้ง คำแนะนำของอินสตรัคเตอร์ที่นั่งไปด้วย ก็คือ โค้งแคบให้ขับ 60 กม./ชม. โค้งกว้าง 80 ทางตรงก็มีความเร็วกำกับ

       แอบๆ เกินบ้างอะไรบ้าง ไม่ให้น่าเกลียดเกินไป เพราะว่านี่ไม่ใช่เซอร์กิต แต่ว่าเป็นสนามทดสอบ ซึ่งเน้นเรื่องของความปลอดภัย ดังนั้นเราก็อย่าไปทำให้ทีมงานเขาลำบากใจมากเกินไป

       รุ่นที่นำมาทดสอบเป็นแบบ 7 ที่นั่ง เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 225 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 345 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ

       ออกตัวไม่นาน ก็เจอโค้งซ้าย แล้วตามยูเทิร์นขวา จากนั้นเข้าทางตรงให้ทดสอบอัตราเร่ง และขึ้นไปสูงสุดที่ 120 แต่ก็ทำเกินๆ ไปสัก 130 ถึงปลายทางตรงมีโค้งเอสขวาแล้วซ้าย แล้วตามด้วยโค้งกว้างๆ ที่มีป้ายกำกับความเร็วไว้ 80 แต่ก็เติมไปได้ 90 หรืออีกนิด ก่อนที่จะเข้าทางตรงที่จำลองถนนเป็นคลื่นเป็นลอน เนินย่อมๆ ผ่านแล้วนึกถึงเมืองไทยยังไงชอบกล

       เครื่องยนต์ตอบสนองได้กลางๆ ความกระฉับกระเฉงอาจไม่มากนัก แต่คงไม่ต้องพูดถึงมากนัก เพราะรุ่นที่เข้ามาขายบ้านเรา เป็น 1.9 ดีเซล เทอร์โบ

       แต่ความกลมกลืนในการขับ ถือว่าทำได้ดีทีเดียว การควบคุมรถ ช่วงล่างทำได้ดี นิ่ง ทั้งทางตรง และทางโค้งในความเร็วที่เหมาะสม แม้จะรู้สึกได้ถึงการโยนตัวของตัวถังที่มีทั้้งความสูงและน้ำหนัก พวงมาลัยแม่นยำ น้ำหนักดี ส่วนถนนที่ขรุขระถือว่ามีการดูดซับแรงสั่นสะเทือนที่ดีเลย ครอบครัวน่าจะชอบอารมณ์แบบนี้

       การทดสอบครั้งนี้ จัดขึ้นในสนามทดสอบ ซึ่งมีรถต่างๆ ที่อยู่ในกระบวนการทดสอบวิ่งกันขวักไขว่ ดังนั้นอุปกรณ์อะไรที่ถ่ายรูปได้ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งาน ดังนั้นรูปในแทรคที่ขับขี่จึงไม่มีมาฝากกัน รวมถึงรูปเกี่ยวกับรายละเอียดอื่นๆ ก็ขอเป็นว่าเมื่อมาเมืองไทยแล้วจะนำมาฝากกันอีกครั้งครับ

       ในส่วนของตัวถังนั้นนั้น จี 10 มีขนาดที่ผมว่ากำลังดี ไม่ใหญ่เกินไป และก็ไม่เลิกเกินไปจนไม่เหมาะกับการเป็นรถครอบครัว การออกแบบมีเส้นสายที่ไม่แข็งทื่อ มีความรู้สึกถึงการเป็นรถเอ็มพีวี

       ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย แต่ก็ต้องรอลุ้นว่าเมื่อเพิ่มเบาะเป็น 4 แถวให้ได้ 11 ที่นั่ง เพื่อขายในบ้านเราแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง

       การออกแบบห้องโดยสารโดยรวม รวมถึงเบาะนั่งด้านหน้ากลมกลืนเป็นคันเดียวกัน ไม่ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนขับคนโดยสาร ซึ่งในส่วนของของเบาะผู้ขับเองก็นั่งได้สบาย มีความกว้าง ความนุ่ม และกระชับใช้ได้ ไม่ลื่นไหลขณะที่รถอยู่ในทางโค้ง

       ประตูสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเป็นแบบบานเลื่อน 2 ด้านซ้ายขวา ขึ้นลงสะดวก การเข้าออกะเบาะนั่งแถว 3 ง่าย เพราะช่องว่างตรงตรงกลางของเบาะแถว 2 มีช่องที่กว้างขวาง แต่แน่นอนเมื่อเข้ามาทำตลาดแล้วใส่เบาะ 4 แถว ก็คงต้องออกแบบใหม่ มีพับมียก ก็คงมีอารมณ์ต่างจากคันที่ลองไปบ้าง

       จริงๆ แล้วนอกจากในสนามแล้ว ผมได้สัมผัสกับรถคันนี้พอควร เพราะทาง เอสเอไอซี ส่งมาเป็นรถรับส่งระหว่างสนามบินกับโรงแรม ซึ่งก็ใช้เวลานั่งแต่ละครั้งนับชั่วโมง ซึ่งในมุมการเป็นผู้โดยสารนี่ผมชอบเลยครับ นั่งสบาย และนุ่มนวลไม่กระแทกกระทั้น และเมื่อนั่งแถวหลังสุด ก็ไม่รู้สึกว่าตัวถังโยกแม้ว่าผู้ขับจะแอบซิ่งไม่น้อย แทรก เปลี่ยนช่องทางไปมาตลอดทางด้วยความเร็วพอควร

       แต่ไม่ใช่ความผิดเขาหรอกครับ เนื่องจากที่เซี่ยงไฮ้ก็มีไม่น้อยที่ขับรถเหมือนคนไทย คือ จะขับที่ความเร็วเท่าไรก็ได้โดยอยู่เลนไหนก็ได้

      ผมชินแล้วครับ