จับซอฟต์แวร์เถื่อนไตรมาสแรกมูลค่าเสียหาย90 ล้าน

บก.ปอศ. เดินหน้าจับละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในองค์กรธุรกิจ ล่าสุดไตรมาสแรกปี 2560 ตรวจค้นและดำเนินคดีกับองค์กรธุรกิจจำนวนกว่า 50 บริษัทพบใช้ซอฟต์แวร์ผิดกฎหมาย ไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิบนคอมพิวเตอร์มากกว่า 600 เครื่อง มูลค่าความเสียหายกว่า 90 ล้านบาท สูงสุดในกลุ่มธุรกิจออกแบบตกแต่งภายใน ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์

รายงานข่าวจาก กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ระบุว่า พบปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งการติดตั้งและใช้งานซอฟต์แวร์เกินกว่าจำนวนสิทธิตามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (ไลเซ่นส์) การทำสำเนาซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นต้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจออกแบบตกแต่งภายในในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์สูง 

ล่าสุด ได้ตรวจค้นและดำเนินคดีกับบริษัทออกแบบตกแต่งภายในสัญชาติไทยในกรุงเทพมหานคร พบการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์จำนวน 21 เครื่อง มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท โดยบริษัทดังกล่าวมีรายได้รวมต่อปี 14 ล้านบาท

การใช้งานซอฟต์แวร์ผิดกฎหมาย และไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ มีโทษทั้งจำและปรับ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ และเจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิดำเนินคดีทางแพ่งกับองค์กรธุรกิจที่ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยที่สำคัญองค์กรธุรกิจที่ละเมิดลิขสิทธิ์กำลังเสี่ยงกับการถูกโจมตีทางไซเบอร์ และภัยไซเบอร์อื่นๆ เนื่องจากซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายและไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิมีส่วนทำให้เกิดจุดอ่อนในระบบความมั่นคงปลอดภัยของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

จากผลสำรวจการใช้ซอฟต์แวร์ทั่วโลก โดยบริษัทไอดีซี พบ อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทยปี 2559 อยู่ที่ 69% ลดลงจาก 71% ในปี 2556 อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน การสร้างความตระหนักรู้ให้แก่องค์กรธุรกิจและภาคประชาชนของกรมทรัพย์สินทางปัญญา และการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปราบปรามการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญมาก ได้แก่ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ซอฟต์แวร์ขององค์กรธุรกิจ ซึ่งเริ่มมีความเข้าใจแล้วว่า การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์นั้น ไม่เพียงแต่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ยังเป็นสาเหตุที่นำมาซึ่งปัญหาด้านภัยไซเบอร์ต่างๆ เนื่องจากการใช้งานซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายและไม่มีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิจะทำให้องค์กรธุรกิจไม่ได้รับการดูแลด้านระบบความมั่นคงปลอดภัยจากบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์

ถึงแม้อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทยจะลดลงอย่างต่อเนื่องจน แต่เป้าหมาย คือ ลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ในไทยลงมาให้ใกล้เคียงหรือต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของเอเชียที่ 61% ให้ได้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ บก. ปอศ. ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการธุรกิจ โดยเฉพาะผู้บริหารองค์กร ให้ปรับเปลี่ยนมาใช้งานซอฟต์แวร์อย่างถูกต้องตามกฎหมายและมีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ เพราะหากถูกดำเนินคดีฐานละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ หรือถูกโจมตีทางไซเบอร์ จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ การเงิน ข้อมูลธุรกิจที่สำคัญ ตลอดจนชื่อเสียงขององค์กร