‘วัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์’ชี้อสังหาฯซึมปรับตัวเจาะตลาดใหม่

‘วัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์’ชี้อสังหาฯซึมปรับตัวเจาะตลาดใหม่

งาน “สถาปนิก 60” ที่จัดโดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดฉากขึ้นแล้ว ซึ่งงานครั้งที่ 31 จะมีไปจนถึงวันที่ 7 พ.ค.นี้ ที่ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี

ซึ่งงานนี้เป็นเวทีที่บรรดาผู้ประกอบการอสังหา และสินค้าที่เกี่ยวข้องต่างพยายามหาช่องทางการตลาด รับมือกับภาวะตลาดที่ไม่ดีนักในช่วงที่ผ่านมา 

โมเดอร์นฟอร์มฯ”รุกงานเฮลท์แคร์

 ทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดเฟอร์นิเจอร์ สำหรับตกแต่งอาคารสำนักงานเชื่อว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

แต่ตลาดที่เจาะกลุ่มที่อยู่อาศัยยังไม่ค่อยดีนัก ทำให้บริษัทตัดสินใจปรับแผนธุรกิจ และหันมาเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล และตลาดท่องเที่ยวอย่างจริงจังมากขึ้น โดยขยายตลาดผ่านบริษัทลูก คือ บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป เข้าไปถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 95% และที่เหลืออีก 5% ถือหุ้นโดยผู้บริหาร

ทั้งนี้ปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจจากซื้อมาขายไป กลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์และสุขภาพ สู่การรับงานบริการติดตั้ง ทำผนังห้อง ออกแบบการจัดวางอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในห้องตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งจากการเริ่มต้นในปีที่ผ่านมา ปัจจุบันโมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ มีรายได้คิดเป็นสัดส่วน 9% ส่วนปีนี้หลังจากเน้นมากขึ้น คาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มเป็น 15%

“เราวางตำแหน่งโมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ เป็นวันสต็อป เซอร์วิส โซลูชั่นส์ ตั้งแต่ออกแบบจนถึงงานก่อสร้างตกแต่งให้กับกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล เริ่มให้บริการลูกค้าเช่น รพ.สมิติเวช รพ.สุขุมวิท รพ.วชิระภูเก็ต ซึ่งมองว่าธุรกิจบริการนี้น่าสนใจ ปัจจุบันยังมีจำนวนโรงพยาบาลเข้ามาใช้บริการค่อนข้างน้อย แต่อนาคตจะมีโอกาสขยายตัวได้อีกมากตามเทรนด์สุขภาพ ปีนี้คาดว่าจะมีกว่า 10 ราย”

ด้านภาพรวมปีนี้ โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป ตั้งเป้ารายได้รวม 3,300 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว แบ่งเป็นรายได้จากเฟอร์นิเจอร์ 80% และอุปกรณ์ตกแต่งอีก 20% 

ยิปรอค”เจาะเจ้าของบ้าน-ช่างซ่อม

สหัทยา ทองปรีชา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้ผลิตและจำหน่ายยิปซัม “ยิปรอค” และบริการโซลูชั่นส์ระบบผนังฝ้าครบวงจร กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดยิปซัมมีมูลค่าเกือบๆ 1 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมีส่วนแบ่ง 30% อย่างไรก็ตามช่วงนี้บริษัทจะปรับแผนตลาด โดยครึ่งปีหลังจะเน้นเปิดตัวสินค้านวัตกรรมและสร้างการรับรู้แบรนด์ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นเจ้าของบ้านมากขึ้น จากเดิมที่ทำตลาดผ่านกลุ่มสถาปนิกเป็นหลัก รวมถึงขยายตลาดเข้ากลุ่มช่างซ่อมแซมมากขึ้นด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ภาพรวมธุรกิจดีขึ้น หลังจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาทำได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่เล็กน้อย เนื่องจากมีปัจจัยลบคือผู้พัฒนาอสังหาฯ เปิดตัวมีโครงการใหม่ออกมาน้อยทั้งแนวราบและแนวสูง รวมกับเศรษฐกิจที่ไม่ได้กระเตื้องมากนัก

อย่างไรก็ดี คาดว่าในปลายปีนี้จะเริ่มมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางการฟื้นตัวของตลาด หากผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่เปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มแบ็คล็อกมากขึ้น รวมถึงระยะยาวที่จะมีเมกะโปรเจคภาครัฐเข้ามาเสริม และปัจจัยสังคมเมืองขยายตัว

“ไตรมาสแรกที่ผ่านมาเห็นได้ว่าการจดทะเบียน หรือการขอใบอนุญาตก่อสร้างโครงการต่างๆ ชะลอตัว ส่งผลเกี่ยวเนื่องต่อตลาดวัสดุก่อสร้าง บริษัทจึงต้องพยายามหาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆเข้ามากระตุ้นตลาดมากขึ้น”

สหัทยากล่าวว่า สำหรับตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันมีกว่า 35 ประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เป็นต้น พบว่ามีอัตราการเติบโตเร็วกว่าตลาดไทยมากเนื่องจากยังเป็นตลาดใหม่ที่มีฐานตลาดต่ำ ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ตลาดต่างประเทศกับในประเทศอยู่ในระดับ 50:50 

คาดเงินสะพัดในงานหมื่นล้าน

ทางด้าน นันทพล จั่นเงิน ประธานจัดงาน กล่าวว่างานปีนี้สมาคมฯ ร่วมกับบริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อให้เป็นเวทีส่งเสริมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านสถาปัตยกรรม รวมถึงนำเสนอนวัตกรรมสินค้าใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรม ที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องมาร่วมจัดแสดงสินค้านวัตกรรมใหม่สร้างสีสันในตลาดมากขึ้น คาดว่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท คนเข้าชมกว่า 4 แสนคน สูงกว่าปีที่แล้วที่มียอด 3 แสนคน

ปีนี้มีผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างชาติออกบูธกว่า 850 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% โดยปีนี้มีสัดส่วนต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จาก 23% เป็น 27% ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนตามด้วยไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี เช็ค เป็นต้น โดยมองว่าการที่มีบริษัทจีนเข้ามามาก สะท้อนให้เห็นว่าจีนมองไทยว่ามีความพร้อมมากสุดในภูมิภาค มีสถาปนิกและผู้มีอำนาจตัดสินใจสั่งซื้อมาชมงานจำนวนมาก

“ส่วนเทรนด์ที่อยู่อาศัยมองว่ายังอยู่ที่เทรนด์ที่อยู่อาศัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การออกแบบโมเดิร์นเรียบง่าย และมีนวัตกรรมเข้ามาใช้ร่วมกับการก่อสร้างมากขึ้น เช่น การใช้ระบบโซลาร์เซลล์ต่างๆ”

ศุภแมน มรรคา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า งานนี้ถือเป็นงานใหญ่ระดับภูมิภาค ใหญ่สุดในอาเซียนและอันดับ 3 ของเอเชียมีพื้นที่จัดงานประมาณ 7.5 หมื่นตร.ม. และปีนี้ยังใช้พื้นที่จัดแสดงสินค้ามากขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 93% ของพื้นที่รวม ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 89%