อดีตเมียตร.ปีนเสาวิทยุ โวยคดีตร.ข่มขืนหลานวัย14ไม่คืบหน้า

อดีตเมียตร.ปีนเสาวิทยุ โวยคดีตร.ข่มขืนหลานวัย14ไม่คืบหน้า

หวาดเสียว! อดีตเมียตร.ปีนเสาวิทยุ โวยคดีตำรวจข่มขืนหลานวัย14ไม่คืบหน้า ด้านรองผู้ว่าฯโคราชรุดเคลียร์ จึงยอมลงมา

เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 4 พ.ค. 60 พ.ต.อ ปฏิยุทธ สิงห์สมโรจน์ ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา รับแจ้งเหตุมีคนปีนเสาวิทยุสื่อสาร สูง 90 เมตร ของสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังจำนวนหนึ่ง

ในที่เกิดเหตุพบหญิงไทย ทราบชื่อ นางสาวนิรัชนก (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี นั่งอยู่ช่วงกลางโครงเหล็กเสาโทรคมนาคม สูงประมาณ 30 เมตร พร้อมโยนใบปลิวที่เป็นกระดาษขนาดเอ 4 ซึ่งเป็นสำเนาข้อความเขียนด้วยลายมือ ระบุว่า รอง ผกก.บอกอัยการเป็นเพื่อนกัน อัยการโทรมา พอเจรจากันไม่ได้ ผลออกมาสั่งไม่ฟ้อง นี่มันคืออะไร? แถมมีการข่มขู่จากผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง มีหลักฐานแต่ใครสนใจ ขอความเป็นธรรม ด.ต.ข่มขืนอนาจารเด็กอายุ 14 ปี แจ้งความเป็นปีคดีไม่คืบ แถมลงท้ายไม่สั่งฟ้อง มีการขอเจรจาจ่ายเงินแทนการถูกดำเนินคดีถึง 8 หน ขอไกล่เกลี่ยให้ ตร.ชั่วด้วย???”

ต่อมา เจ้าหน้าที่ป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครนครราชสีมา นำเบาะลมมารองรับ หน่วยกู้ชีพสว่างเมตตาโคราช จัดทีมบุคลากรทางการแพทย์เตรียมเผชิญเหตุร้าย จากนั้นนางสาวนิรัชนก ลุกขึ้นยืนเดินบนโครงเหล็กแล้วปีนไต่บันไดขึ้นไปอีก 20 เมตร ก่อนโยนกระเป๋าสะพาย ด้านในมีเสื้อผ้าและเครื่องใช้ส่วนตัว รวมทั้งถอดรองเท้าผ้าใบทิ้งลงมาทีละข้าง สร้างความหวาดเสียวให้เจ้าหน้าที่ และไทยมุงกว่าร้อยคนที่มาลุ้นเหตุการณ์

ทั้งนี้ นายมุรธาธีร์ รักชาติเจริญ รอง ผวจ.นครราชสีมา ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุใช้ไมโครโฟนผ่านเครื่องขยายเสียงพูดคุยเกลี้ยกล่อม โดยสัญญาจะรับเรื่องร้องเรียน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้ตามที่นางสาวนิรัชนกต้องการนานกว่า 45 นาที การเจรจาจึงสำเร็จ

นางสาวนิรัชนก ยอมลงมา ร.ต.ท.อุฬาร ศรีชำนาญ รอง สวป.สภ.เมือง ฯ และเจ้าหน้าที่ ปภ. จึงใช้รถเครนติดกระเช้า ปีนขึ้นไปเจราจาอย่างใกล้ชิดใช้เวลาประมาณ10นาที นางสาวนิรัชนก จึงยอมให้ช่วยเหลือลงมาอย่างปลอดภัย ท่ามกลางเสียงโห่ร้องตบมือดีใจ

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ มีพยานพบเห็นหญิงสาววัยรุ่น 2 คน มาเดินวนเวียนหน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 และบริเวณที่เกิดเหตุ ต่อมาพบว่านางสาวนิรัชนก ได้ลักลอบปีนขึ้นเสาวิทยุ แต่หญิงสาวอีกคนได้เดินหนีหายไปไร้วี่แวว

สำหรับนางสาวนิรัชนก ผู้ก่อเหตุ ตรวจสอบพบเป็นอดีตภรรยาของนายดาบตำรวจ สังกัดงานป้องกันและปรามปราม สภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบประจำตู้ยามสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง ต่อมามีปัญหาครอบครัวหย่าร้าง โดยกล่าวหาอดีตสามีลักลอบได้เสียกับหลานสาวตัวเองกระทั่งมีลูกด้วยกัน จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษทั้งทางคดีความ และทางวินัยข้าราชการ ซึ่งผลสอบไม่พบมูลความผิด รวมทั้งอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง แต่ยังคงร้องความเป็นธรรมกับผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง