'นพ.สุกิจ' อนาถใจ 'ทักษิณ-ลูกโอ๊ค' รู้ไม่จริงแก้ราคายาง

'นพ.สุกิจ' อนาถใจ 'ทักษิณ-ลูกโอ๊ค' รู้ไม่จริงแก้ราคายาง

อดีตส.ส.ตรัง จวกกลับ "ทักษิณ-พานทองแท้" ชี้วิธีแก้ปัญหาราคายางฯรู้ไม่จริงทั้งคู่ เผยรู้สึกอนาถใจสองพ่อลูก เอาเรื่องแบบนี้มาคุยโว

น.พ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่นายพานทองแท้ ชินวัตร โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว โชว์การสนทนาเรื่องการแก้ปัญหายางพารากับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ตามที่นายพานทองแท้ได้ออกมาระบุ เรื่องไม่รู้จริงเรื่องยางพารา ตนใคร่จะขอชี้แจงดังนี้ ประการแรกนายพานทองแท้ บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยสนใจเรื่องยาง นี่แสดงว่าถ้าอ่านหนังสือไม่ออกก็ไม่เคยติดตามข่าว เพราะทั้งในโซเชียลมีเดีย หรือตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็มีปรากฎต่อเนื่องอยู่เสมอว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ต่อสู้เรื่องยางมาโดยตลอด ตั้งแต่มีการรัฐประหาร ทั้งการไปพบรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องนี้ เพื่อเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาก็หลายครั้ง ถ้าสนใจเปิดดูก็จะพบ

น.พ.สุกิจ กล่าวอีกว่า หากถามว่าปัจจุบันเราพอใจกับราคายางหรือไม่ ต้องตอบว่าไม่พอใจ แต่เราก็อยู่กับประชาชนตลอด เรารู้ว่าประชาชนเขาคิดอย่างไร ชาวสวนยางไม่ใช่พวกเห็นแก่ได้ที่ยอมทำลายความสงบเรียบร้อย ชื่อเสียงของประเทศ เหมือนพรรคการเมืองบางพรรค แต่เขาเห็นแก่ความสงบของประเทศ จึงไม่ได้เคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้องแต่อย่างใด ซึ่งราคายางที่ตกต่ำเกษตกรก็ลำบาก แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่อยู่เฉย เพียงแค่สงสัยว่านายพานทองแท้ มีเจตนาอะไรจึงมาพูดเรื่องยางพาราในตอนนี้ เพราะเมื่อครั้งยางราคากก. ละ 30 บาท ที่ชาวเกษตรกรเดือดร้อนสุดๆ และ ส.ส. ประชาธิปัตย์เรียงหน้ากันออกมาต่อสู้ไม่ทราบว่านายพานทองแท้ไปอยู่เสียที่ไหน

น.พ.สุกิจกล่าวต่อไปว่า 2.นายพานทองแท้บอกว่า คุยกับพ่อ แล้วรู้วิธีแก้ปัญหาราคายาง ขอบอกว่าไม่รู้จริงทั้งคู่ เพราะแสดงถึงการไม่เข้าใจปัญหาของยางในปัจจุบัน และที่บอกว่าสมัยนายทักษิณสั่งให้บริษัทร่วมทุนยางพารา หรือ IRCo ซื้อยางแล้วทำให้ราคาขึ้นทันที ก็เป็นเรื่องโกหก เพราะบริษัทร่วมทุนไม่เคยแก้ปัญหาราคายางพาราได้ และวิธีการอย่างนั้นไม่มีทางเอามาใช้ในปัจจุบันได้

และที่ชัดเจนคือ ราคายางเริ่มลดลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เห็นว่านายทักษิณจะสนใจและช่วยอะไรได้ จนทำให้ราคายางลดลงมาเรื่อยๆ แถมยังสร้างปัญหาเรื้อรัง คือมีสต็อคยางค้างอยู่ถึง 2 แสนกว่าตัน ที่ขายไม่ออก และคงเน่าเสียไปส่วนมากแล้ว ทำให้ประเทศชาติสูญเสียไปหลายหมื่นล้านบาท

ส่วนบริษัทร่วมทุนที่ตั้งในปี พ.ศ.2547 สมัยทักษิณ ความจริงได้มีแนวคิดและการทำงานสืบเนื่องก่อนหน้านี้มานาน แต่พอถึงสมัยทักษิณก็บุ่มบ่ามตั้งโดยไม่ได้ใช้ความรอบคอบเหมือนหลายๆ โครงการของทักษิณ จนทำให้ทุกวันนี้ก็ไม่สามารถทำงานตามวัตถุประสงค์ได้ เหมือนเสือกระดาษที่ไม่มีใครให้ความเชื่อถือปฏิบัติตาม โดยเฉพาะความตกลงที่ว่า 3 ชาติต้องลงหุ้นกันโดยมี ไทย, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ในอัตราส่วน 4:3:2 ปรากฎว่าไม่มีใครลงหุ้นครบ จึงไม่มีเงินที่จะมาซื้อยางในราคานำตลาดตามวัตถุประสงค์ได้ ที่ผ่านมาถ้าแก้ปัญหาราคายางได้จริง ประเทศไทยคงไม่ต้องทำโครงการนั้นโครงการนี้เพื่อช่วยเรื่องราคายางครั้งละหลายหมื่นล้านบาทหรอกครับ

“ทุกวันนี้พยายามออกมาตรการให้มีการจำกัดพื้นที่ปลูกยางก็ไม่มีใครปฏิบัติตาม ทุกประเทศยังขยายพื้นที่ปลูกไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ให้มีการลดการส่งออกก็ไม่มีใครปฏิบัติตามเพราะทุกคนก็แย่งกันขายยาง จึงรู้สึกอนาถใจที่ 2 พ่อ – ลูก ยังเอาเรื่องแบบนี้มาคุยโว ขอบอกว่าถ้าจะพูดเรื่องอะไร ศึกษามาให้ดีก่อน อย่าแสดงความไม่รู้ออกมาเช่นนี้ และอย่าใช้นิสัยชอบแว้งกัดคนที่เขาทำงาน เลิกการเมืองแบบน้ำเน่า รู้จักปฏิรูปตัวเองเสียบ้าง” น.พ.สุกิจกล่าว