นักข่าวรัฐสภาออกแถลงการณ์ จี้ถอนร่างกม.ตีทะเบียนสื่อ

นักข่าวรัฐสภาออกแถลงการณ์ จี้ถอนร่างกม.ตีทะเบียนสื่อ

​​คณะผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา แถลงการณ์จี้ "สปท." ถอนร่างกม.ตีทะเบียนสื่อ แนะควรรับฟังความคิดเห็นจากสื่อมวลชนที่ปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาคสนามด้วย

ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “ขอให้สปท.ถอนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ออกจากระเบียบวาระการประชุม"

ด้วยในการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)วันที่ 1 พฤษภาคม 2560 มีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ....ตามที่คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชนเสนอ ซึ่งได้ถูกคัดค้านจาก องค์กรวิชาชีพสื่อ และนักข่าวภาคสนามมาตามลำดับนั้น

คณะผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาได้ทำหน้าที่ติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของ สปท. , คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เพื่อรายงานข่าวสารให้ประชาชนรับทราบ โดยเฉพาะสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้โดยมีความเห็นว่า การที่สปท.เตรียมผลักดันร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้มีการบังคับใช้เป็นกฎหมายในอนาคต จะส่งผลให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ รวมไปถึงบุคคลที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ต้องตกอยู่ในสภาวะที่ถูกกำกับควบคุม จนมิอาจใช้สิทธิเสรีภาพของตนเองได้อย่างสมบูรณ์ ตามรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติที่ให้สิทธิ์เอาไว้

ทั้งนี้ โดยหลักแล้วการผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการสื่อสารมวลชนควรเป็นไปในลักษณะมุ่งคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ อีกทั้งสร้างกลไกที่ธำรงความเป็นอิสระของสื่อมวลชนอย่างแท้จริงบนพื้นฐานของประโยชน์ส่วนรวม เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้อง ครบถ้วน รอบด้าน รวมไปถึงการส่งเสริมการใช้เสรีภาพบนพื้นฐานความรับผิดชอบ

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การที่ให้ภาครัฐมีส่วนเข้ามาเป็นผู้ให้คุณหรือให้โทษแก่ผู้ปฎิบัติหน้าที่สื่อมวลชนและบุคคลที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ทั่วไปตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงไม่อาจเป็นร่างกฎหมายที่ยอมรับได้

คณะผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา จึงมีความเห็นว่าสปท.ควรถอนร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ออกไปก่อน เพื่อทบทวนเนื้อหาและหลักการสำคัญด้วยการรับฟังความคิดเห็นให้รอบด้าน โดยนอกจากจะรับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนแล้ว ควรรับฟังความคิดเห็นจากสื่อมวลชนที่ปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาคสนามด้วยเพื่อเป็นการสะท้อนมุมมองและข้อเท็จอีกด้านหนึ่งต่อไป