LIT - ซื้อ

LIT - ซื้อ

คาดกำไรปี 60 เติบโตสูงต่อเนื่อง 36% จากปี 59

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

- ผู้ให้บริการสินเชื่อครบวงจรประเภท Non bank ซึ่งมีศักยภาพเติบโดสูง : ลีซอิทดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อครบวงจรประเภท Non-Bank เริ่มต้นธุรกิจปล่อยสินเชื่อสนับสนุนการค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่ (SVOA) ปัจจุบันมีการกระจายความเสี่ยงมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อนอกกลุ่ม โดยมีสัดส่วนลูกค้าไอที 24% ลูกค้านอกไอที 76% ลูกค้าเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่มีลูกค้าเป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่หรือหน่วยงานราชการทำให้มีความเสี่ยงต่ำและรายได้มีศักยภาพในการเติบโตสูง ปริมาณสินเชื่อคงค้าง ณ ปลายปี 59 เท่ากับ 1,846 ล้านบาทเติบโต 70% โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อในปี 59 ประกอบด้วยสินเชื่อรับซื้อลูกหนี้การค้า (Factoring) 47% สินเชื่อโครงการในการจัดหาสินค้า (Project Finance) 34% สินเชื่อสัญญาเช่าทางการเงินและเช่าซื้อ (Leasing & Hire Purchase) 18%

- ปี 59 กำไรสุทธิเติบโต 43% : ผลการดำเนินงานในปี 59 มีกำไรสุทธิ 100.7 ล้านบาท +43% มาจากรายได้รวมเท่ากับ 287 ล้านบาท เติบโต 50% จากการเติบโตของรายได้จากการออกสินเชื่อเพื่อค้ำประกันซอง +68% และรายได้จากสินเชื่อรับซื้อลูกหนี้การค้า +73% เป็นหลัก ซึ่งสร้างสถิติสูงสุดใหม่ทั้งรายได้และกำไร ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเท่ากับ 2.81% ของลูกหนี้สินเชื่อสุทธิ ณ ปลายปี 59 สูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2.5%

- คาดกำไรสุทธิปี 60 เติบโต 36% : บนสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อราว 12% โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากฐานลูกค้าใหม่ในธุรกิจแฟคตอริ่ง รวมทั้งบริการสินเชื่อค้ำประกันที่ยังเติบโตสูงต่อเนื่องจากปลายปี 59 เราประมาณการกำไรสุทธิปี 60 อยู่ที่ราว 137 ล้านบาทเติบโตราว 36% ทั้งนี้ช่วงปลายปี 59 ต่อเนื่องถึงต้นปี 60 มีการเซ็นสัญญางานใหญ่ 3 งานได้แก่ สัญญาโครงการเช่าใช้เครื่องวิทยุสื่อสารเฉพาะกิจมูลค่า 67.17 ล้านบาท สัญญากู้ยืมเงินในโครงการสัญญาซื้อขายรถขุดไฮดรอลิคตีนตะขาบรวมมูลค่า 135 ล้านบาท ทำให้กำไร 1Q60 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ และทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส (1Q59 มีกำไร 20.04 ล้านบาท 4Q59 มีกำไร 28.71 ล้านบาท)

- การจ่ายหุ้นปันผลและออกวอแรนท์เสริมฐานทุนแข็งแกร่ง : เมื่อเดือนก.พ. บริษัทประกาศจ่ายหุ้นปันผล 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และเงินสด 0.0112 บาทต่อหุ้น รวมทั้งออก LIT-W1 จัดสรร 5:4 ราคา 2.5 บาท อัตราใช้สิทธิ 2:1 ราคาใช้สิทธิ 4 บาทเริ่มใช้สิทธิครั้งแรก 25 ก.ค. ช่วยให้ฐานทุนกว้างขึ้นและลดต้นทุนการเงินในสภาวะที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนในตั๋ว B/E โดยเราคาดว่าจะช่วยลด D/E เหลือ 2.9 เท่า ณ ปลายปี 60 จาก 3.2 เท่า ณ ปลายปี 59

- เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 13.20 บาท : ในการประเมินมูลค่าพื้นฐานซึ่งอิง Prospect PE ที่ระดับ 25 เท่า (เท่ากับค่าเฉลี่ยของหุ้นใน SET และ MAI ที่ทำธุรกิจคล้ายกัน) และคำนวณ EPS แบบ Fully diluted ได้เท่ากับ 0.53 บาทได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 13.20 บาทซึ่งยังมี upside จากราคาปิดล่าสุด จึงแนะนำ “ซื้อ”