Daily Market Outlook (27 เม.ย.60)

Daily Market Outlook (27 เม.ย.60)

แผนลดภาษีของ Trump น่าจะเผชิญปัญหาในสภา

คาดหุ้นไทยไม่ไปไหนไกลวันนี้เช่นเดียวกับหุ้นโลกหลังจากแผนลดภาษีของ Trump ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เพราะไม่มีรายละเอียดแหล่งที่มาของการลดภาษีซึ่งทำให้น่าจะต้องเผชิญแรงต้านในรัฐสภาในการจะออกเป็นกฎหมาย อย่างไรก็ตามตลาดถ้าจะถอยหลังก็ไม่น่ามาก จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นและความเสี่ยงทางการเมืองของยุโรปคลายลง ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ค่อนไปทางบวก ความเชื่อมั่นของนักธุรกิจสูงขึ้นในเดือน มี.ค. ต่อเนื่องจากเดือน ก.พ. โครงการทางหลวงพิเศษบางปะอิน-นครสวรรค์ มูลค่า 4-5 หมื่นล้านบาทเป็นอีกโครงการขนาดใหญ่สำหรับปี 2561 ยอดขายรถยนต์ในประเทศพุ่ง 16.7% ในเดือน มี.ค. แม้ส่งออกและการผลิตจะลดลง

หุ้นเด่นวันนี้: SCC (ราคาปิด 548 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS ที่ 638 บาท)

เราเลือก SCC เป็น Pick of the day จากธุรกิจในประเทศและในอาเซียนมีแนวโน้มที่สดใส ทั้งด้านธุรกิจปิโตรเคมี ซีเมนต์ การก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์ โดย SCC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 น่าประทับใจที่ 17,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%YoYและเพิ่มขึ้น 39%QoQซึ่งมากกว่าที่ consensus คาดไว้ที่ 14,000 ล้านบาท หากหักรายการพิเศษออกไปรวม 2,800 ล้านบาท กำไรปกติยังสูงอยู่ที่ 14,600 ล้านบาท (+8% YoYและ +28% QoQ) โดยกำไรสุทธิรวม 77% หรือ 13,400 ล้านบาทมาจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งคาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ขณะที่ 14% ของกำไรสุทธิ หรือ 2,468 ล้านบาท มาจากกำไรของปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่เหลือเป็นกำไรของส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์และกระดาษ โดยกำไรไตรมาส 1/60 ของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีได้รับแรงหนุนจากราคาและส่วนต่างราคาเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการสั่งซื้อจากประเทศจีน ราคาพลาสติกเรซินเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ยอดขายของ HDPE ในไตรมาส 1/60 ลดลง 7% YoYแต่เพิ่มขึ้น 8% QoQเป็น 457,000 ตัน เราคาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ ธุรกิจปิโตรเคมีจะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แม้ว่าความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศจะลดลง 5% YoYเนื่องจากปัญหาน้ำท่วมในภาคใต้ของไทยในเดือน ม.ค. แต่เราคาดว่าจะมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไทยและอาเซียนในปลายปีนี้ SCC มียอดการจำหน่ายกระดาษบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาส 1/60 โดยมียอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 631,000 ตันเพิ่มขึ้น 8% YoYและ 9% QoQแนวโน้มกำไรที่สดใสได้รับแรงหนุนจากความต้องการบรรจุภัณฑ์สำหรับการส่งสินค้าของธุรกิจ e-commerce และออนไลน์ และความต้องการที่เติบโตขึ้นจากประเทศในกลุ่มอาเซียนโดยเฉพาะจากเวียดนามที่ SCC มีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้น SCC จะสรุปแผนการลงทุนในโครงการปิโตรเลียมในประเทศเวียดนามในช่วงกลางปี 2560 และจะสรุปการลงทุนในโครงการปิโตรเลียมแห่งที่สองในอินโดนีเซียในช่วงกลางปี 2561 เราคาดว่ากำไรปกติจะขยายตัว 4% ในปีนี้ก่อนที่จะเพิ่มขึ้น 10% เป็นสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 61,400 ล้านบาทในปี 2561 ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ PER 11.6 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีและ 10 ปี ที่ 15.5 เท่าและ 13.3 เท่าตามลำดับ เราแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 638 บาท ราคาปัจจุบันมี Upside 16.4% Price Pattern ของ SCC มีความแข็งแกร่งในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างชัดเจน จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดย SCC ปิดตลาดที่ 548 บาท ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เข้าตลาด SCC จะ มีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 586 บาท โดยมี SCC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 536 บาท (Resistance: 552.00, 556.00, 562.00; Support: 544.00, 538.00, 534.00)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.ปรับเพิ่มขึ้น ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.ปรับขึ้นอยู่ที่ 87.5 จาก 86.2 จุดในเดือน ก.พ. หนุนโดยการเร่งการผลิตสินค้าของผู้ประกอบการเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ล่วงหน้า 3 เดือนลดลงอยู่ที่ 99.0 จุด จาก 100.9 จุดในเดือน ก.พ. เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ความผันผวนของอัตราแลกแปลี่ยน นโยบายการค้าสหรัฐ และความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศ (Post Today)

• มอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครสวรรค์เข้า Action plan ปี 61 กรมทางหลวงเตรียมเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณานำโครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครสวรรค์มูลค่า 4-5 หมื่นล้านบาทเข้าแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน (Action Plan) ปี 61 เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้ผ่าน EIA แล้ว และยังอยู่ในโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ระหว่างปี 58-62 อีกด้วย (Post Today)

• โรดโชว์ฮ่องกงดึงนักลงทุนมา EECนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 25 - 29 เม.ย.นี้ ตนและคณะได้เดินทางเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อชักชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เพราะฮ่องกงถือว่ามีบทบาทสูงที่เข้ามาลงทุนในไทยเป็นอันดับ 3 ของนักลงทุนต่างชาติทั้งหมด ขณะเดียวกันในอนาคต จีนยังคงใช้ฮ่องกงเป็นส่วนสำคัญ เพื่อลงทุนตามแผนเส้นทางสายไหมทางทะเล (เดลินิวส์)

• ยอดส่งออกยังคงได้รับแรงกดดันส่วนยอดขายในประเทศยังเติบโตดี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) รายงานยอดการผลิตรถยนต์สำเร็จรูปในประเทศประจำเดือนมีนาคมลดลง 7.3% YoYอยู่ที่ 178,798 คัน เนื่องจากจำนวนการผลิตรถกระบะหดตัว ยอดส่งออกรถยนต์ประจำเดือนมีนาคมลดลง 3.1% YoYอยู่ที่ 105,967 คัน หดตัวติดต่อกัน 9 เดือนเนื่องจากยอดขายที่ลดลงในเอเชีย ตะวันออกกลางและแอฟริกา มูลค่าส่งออกหดตัว 5.1% YoYอยู่ที่ 5.44 หมื่นล้านบาท ยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น 16.7% YoYอยู่ที่ 84,801 คันเนื่องจากการออกโมเดลรถยนต์นั่งใหม่และงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 รวมทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ (ส.อ.ท.) ความเห็น: เรายังคงเชื่อว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยกำลังฟื้นตัวโดยความต้องการในประเทศเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ แม้ว่าการฟื้นตัวของการส่งออกอาจช้ากว่าคาด เราคงจัดอันดับการลงทุนกลุ่มยานยนต์ “เป็นกลาง” โดยมีแนวโน้มเป็นบวก หุ้นที่เราแนะนำได้แก่หุ้น SAT (ราคาเป้าหมายของเราปี 60: 19.70 บาท) สำหรับการลงทุนในระยะยาว

ต่างประเทศ:

• แผนปรับลดภาษีของทรัมป์ขาดรายละเอียด และมีโอกาสจะเผชิญการต่อต้านอย่างมากในสภาคองเกรส แผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการปรับลดภาษีลดภาษีนิติบุคคลสู่ระดับ 15% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และปรับลดอัตราภาษีขั้นสูงสุดสำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัด และกิจการเจ้าของคนเดียวอยู่ที่ระดับ 15% จาก 39.6% อย่างไรก็ตาม แผนการปรับลดภาษีดังกล่าวไม่มีรายละเอียดเพียงพอและและไม่ได้ให้ความกระจ่างว่าแผนการปรับลดภาษีในครั้งนี้จะส่งผลให้สหรัฐขาดดุลงบประมาณมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งก่อให้เกิดความกังขามากขึ้นว่าแผนดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาอนุมัติในสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาหรือไม่ (Reuters)

• ราคาพันธบัตรปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ ตรงข้ามกับก่อนหน้านี้ที่ปรับตัวลงมาหลายวัน เนื่องจากแผนการปรับลดภาษีทำให้นักลงทุนผิดหวัง ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 4/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.312% ปรับตัวลงจาก 2.329% เมื่อวันอังคาร ราคาพันธบัตรอายุ 30 ปีเพิ่มขึ้น 5/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.971% ปรับตัวลงจากที่ระดับ 2.979% เมื่อวันอังคาร (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ เมื่อวันพุธ หลังจากแผนปฏิรูปภาษีของทรัมป์ถูกมองว่าขาดรายละเอียดใหม่ ๆ ส่วนเงินเปโซและดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลงเนื่องจากมีรายงานว่าสหรัฐกำลังพิจารณาถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือหรือนาฟตา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามากที่สุดในเดือนนี้เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 111.77 เยน และล่าสุดปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ 111.15 เยน เงินยูโรอ่อนค่าเล็กน้อยเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและปิดลดลง 0.2% ที่ระดับ 1.0900 ดอลลาร์สหรัฐหลังจากที่อ่อนค่าลงถึง 0.6% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดบวก 0.2% สู่ระดับ 99.018 (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อวันพุธ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมา 2 วัน เนื่องจากมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่แผนการปรับลดภาษีจะมีน้ำหนักมากกว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง ข้อเสนอของทรัมป์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราภาษีสำหรับธุรกิจและกำไรของบริษัทข้ามชาติส่งกลับสู่สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าจะจ่ายอย่างไรที่จะไม่ทำให้การขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น (Reuters)

• คาดกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น มีการประมาณการว่ากำไรสุทธิรวมของบริษัทที่อยู่ใน S&P500 จะเพิ่มขึ้น 11.8% ในไตรมาส 1/60 ซึ่งนับว่ามากที่สุดนับแต่ปี ค.ศ. 2011 โดยเพิ่มขึ้นจาก 10% เมื่อวันที่ 12 เม.ย. และ 11.4% เมื่อวันอังคาร จากข้อมูลของ Thomson Reuters I/B/E/S (Reuters)


ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปรับขึ้นวานนี้ โดยหลายๆ ดัชนีหลักปรับขึ้นแตะใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือน หนุนโดยหุ้นกลุ่มสินค้าหรูและกลุ่มการเงินที่ผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าตลาดคาด หุ้นบลูชิพในฝรั่งเศสแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีหลังจาก Emmanuel Macron ผ่านเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในรอบถัดไปในวันที่ 7 พ.ค. นี้ ซึ่งผลสำรวจคาดว่าเขาจะคว้าชัยชนะไปได้ (Reuters)

• ดีลการค้า EU อยู่ในแผน เนื่องจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐรวมถึงแผนการค้า TTIP ระหว่างยุโรปและสหรัฐถูกชะลอไว้อยู่ EU เลยเริ่มกลับมาสนใจประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอเมริกาและแถบเอเชีย-แปซิฟิก โดยดีลการค้าที่อยู่ในแผนมีทั้งระหว่าง EU-ญี่ปุ่น EU-เม็กซิโก และ EU-กลุ่มเมร์โกซูร์ (อาร์เจนตินา บราซิล ปารากวัย และอุรุกวัย) โดยที่ EU ได้ลงนามข้อตกลงกับสิงคโปร์และเวียดนามแล้ว รวมถึงกำลังอยู่ในช่วงเจรจากับอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย นอกจากนี้อาจมีการพูดคุยกับประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ด้วย (Reuters)

• ECB จะจัดประชุมวันนี้ โดยที่ประเด็นหลักน่าจะเป็นในเรื่องของการลดนโยบายกระตุ้นทางการเงิน ถึงแม้ว่าตลาดคาด ECB จะยังคงนโยบายไว้ตามเดิมอยู่ แต่ธนาคารกลางอาจมีการส่งสัญญาณถึงการลดนโนบายกระตุ้นทางการเงินในเดือน มิ.ย.นี้ (Reuters)

เอเชีย:

• บริษัทเรือเดินทะเลของญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่เป็นบวกเพิ่มมากขึ้น: ราคาหุ้นบริษัทขนส่งรายใหญ่ของญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดย Mitsui OSK Lines เพิ่มขึ้น 3.5% และ Nippon Yusen เพิ่มขึ้น 3.6% และ Kawasaki Kisen ขึ้น 2.8% ทั้งสาม บริษัทคาดว่าจะประกาศผลกำไรสุทธิในปีงบประมาณ 2560 เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี สัญญารายปีกับลูกค้าสำหรับเรือคอนเทนเนอร์จะสรุปในเดือนนี้ และบริษัททั้งสามแห่งนี้คาดว่าจะเพิ่มอัตราค่าระวางขนส่งจากปีงบประมาณ 2559 (Nikkei)

• คาดว่า BOJ จะยังคงนโยบายเดิมในการประชุมวันนี้: แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่า BOJ จะลดภาระที่สัญญาว่าจะการถือครองพันธบัตรเพิ่มขึ้น 80,000 เยนต่อปี ซึ่งไม่ต้องดำเนินการตามสัญญาดังกล่าวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา(Nikkei)

• ธุรกิจสาธารณูปโภคของจีนกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการซื้อถ่านหินสำรองไว้ในยุทธศาสตร์เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤติซัพพลาย แต่อาจส่งผลให้ราคาถ่านหินสูงขึ้น: บริษัทผลิตไฟฟ้าชั้นนำจะต้องซื้อถ่านหินมากกว่า 40 ล้านตันภายในสิ้นเดือน มิ.ย.เพื่อเป็นแหล่งสำรองในช่วงไตรมาส 3/60 ซึ่งเป็นช่วงที่มีความต้องการไฟฟ้าสูงสุดเป็นอันดับสองของปีหลังจากฤดูหนาว ซึ่งคิดเป็น 14% ของผลผลิตรายไตรมาสของจีน หรือเพียงพอใช้ 15 วัน ประมาณการนี้อิงกับสต๊อก 90 ล้านตันสำหรับดีมานด์ของสาธารณูปโภคหลายพันแห่งของประเทศ และมีเป้าหมายที่จะบรรลุเป้าหมายอย่างน้อย 130 ล้านตันภายในเดือน มิ.ย. เป้าหมายดังกล่าวเทียบเท่ากับเกือบครึ่งหนึ่งของการใช้จ่ายสาธารณูปโภคในไตรมาส 3 (Reuters)ความเห็น: ราคาถ่านหินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

• จีนกล่าวว่าการริเริ่มโครงการ Silk Road ช่วยสร้าง "ยุคใหม่ของโลกาภิวัฒน์" เปิดกว้างให้กับทุกคน ตามแถลงการณ์ฉบับร่างสำหรับการประชุมสุดยอดในเดือนหน้า ผู้นำจาก 28 ประเทศจะเข้าร่วมการประชุม Belt and Road Forum ในกรุงปักกิ่ง วันที่ 14-15 พ.ค. ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดี Xi Jinpingในการขยายความเชื่อมโยงระหว่างเอเชียแอฟริกาและยุโรปซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการลงทุนด้านสาธารณูปโภคหลายพันล้านเหรียญฯ (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันดีดกลับจากต้นวันที่เป็นลบวันพุธ หลังข้อมูลรัฐบาลสหรัฐชี้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วงมากกว่าคาด US EIA ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบร่วง 3.6 ล้านบาร์เรลสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่คาดกว่าเท่าตัว ซึ่งถือว่าพลิกโผเพราะก่อนหน้านี้สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกาได้ออกมาระบุว่าตัวเลขน้ำมันเพิ่ม น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 6 เซนต์ ปิด 49.62 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมัน Brent ล่วงหน้าลบ 21 เซนต์ปิดที่ 51.82 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ทองคำฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดรอบสองสัปดาห์วันพุธ เพราะผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลดลงและดอลลาร์กลับมาบวกน้อยลงเพราะการเสนอแผนภาษีของ Trump ทำตลาดผิดหวัง ทองคำตลาดจรบวก 0.3% ปิด 1,266.81 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ได้ไปแตะจุดสูงสุดระหว่างวันที่ 1,259.90 ดอลลาร์ต่ำสุดนับแต่ 11 เม.ย. ทองคำตลาดล่วงหน้าลบ 0.2% ปิด 1,264.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)