คดีขโมยศพหลวงพ่อไม่คืบ 'หลวงพี่กล่ำ'ชี้คนทำผิดกำลังได้รับโทษ

คดีขโมยศพหลวงพ่อไม่คืบ 'หลวงพี่กล่ำ'ชี้คนทำผิดกำลังได้รับโทษ

ตำรวจสกลนคร ขอเวลาติดตามคดีขโมยศพหลวงพ่อมหายนต์ ผ่านมากว่า 7 วัน ยังไม่คืบ มุ่งปมขัดแย้งของกลุ่มลูกศิษย์ ด้าน "หลวงพี่กล่ำ" ชี้คนทำผิดกำลังจะได้รับโทษ

จากกรณีคดีขโมยศพ พระครูโสภณธรรมาภิวัฒน์ หรือ หลวงพ่อมหายนต์ อดีตเจ้าคณะอำเภอพังโคน และอดีตเจ้าอาวาสวัดศิริมงคล ที่ถูกคนร้ายมาขโมยศพไปก่อนจะมีกำหนดพิธีเคลื่อนสรีระสังขาร เมื่อวันที่ 19 เมษายน และผ่านมากว่า 7 วัน หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปประเด็นในการก่อเหตุ แม้จะมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าไปให้ข้อมูล และนำพยานวัตถุต่างๆ ไปตรวจสอบ อาทิ รถปิคอัพที่อยู่ในวัดและพบใบมรณะบัตรของหลวงพ่อมหายนต์ วางอยู่หน้ารถ

เมื่อวันที่ 27เม.ย.60 พล.ต.ต.สมเกียรติ เกิดจงรักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า หลังประชุมชุดสืบสวนที่ลงพื้นที่ ทั้งจากชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค4 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร และชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรพังโคน นำข้อมูลที่ได้มาประมวลหามูลเหตุจูงใจในการลงมือขโมยศพ โดยให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งของกลุ่มศิษยานุศิษย์ ที่มีอยู่2กลุ่ม มีทั้งพระและฆราวาส แต่ยังไม่ทิ้งประเด็นความขัดแย้งในกลุ่มเครือญาติ และการขโมยศพไปทำเครื่องรางไสยศาสตร์ และช่วงเวลาของการลงมือก่อเหตุยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นวันไหน ระหว่างที่มีการสวดอภิธรรม100วัน ซึ่งต้องขอเวลาให้กับเจ้าหน้า ที่ตำรวจ เพื่อเก็บรายละเอียดข้อมูลให้ครบทุกประเด็น โดยเฉพาะต้องรอผลตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ จะช่วยให้แนวทางการสืบสวนมีความชัดเจนมากขึ้น และตอนนี้ได้ตั้งสมมุติฐานว่า ศพได้ถูกทำลายไปแล้ว และยังถูกซ่อนไว้ที่ใดที่หนึ่ง

ส่วนที่วัดศิริมงคล บ.หนองหญ้าปล้อง ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร หลังพิธีการประชุมเพลิงโลงศพเปล่า โดยบรรยากาศภายในวัดเงียบเหงามีเพียงพระจำวัดอยู่ 4 รูป และได้มีการนำประตูเหล็กมาเชื่อมติดที่หน้าประตูวัด และใช้กุญแจล็อค ปิดประตูเข้าออกในช่วงเวลากลางคืนทั้งด้านหน้าและประตูหลังวัด หลังจากได้เปิดประตูมาตลอดช่วง3เดือน ที่มีพิธีสวดอภิธรรมศพ

สอบถามพระเหรียญทอง หรือหลวงพี่กล่ำ พระลูกวัด และเป็นเจ้าของรถบอกว่า เพิ่งไปรับรถมาจากสถานีตำรวจ หลังจากตำรวจนำไปตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน เพราะเชื่อว่า เป็นรถต้องสงสัยที่จะใช้ขนศพหลวงพ่อ แต่เมื่อตรวจแล้วก็ให้ตนเองไปรับกลับมา ทั้งนี้รถคันดังกล่าว ตนได้นำกลับมาซ่อมใหม่ ต่อทะเบียน และต่อ พ.ร.บ. เพื่อจะช่วยงานของหลวงพ่อ ทั้งการนำใบฎีกา ไปแจกตามวัดต่างๆ การใช้วิ่งเปิดเครื่องขยายเสียงประชาสัมพันธ์งานพระราชทานเพลิงศพ แม้จะตกเป็นผู้ต้องสงสัย และตำรวจเรียกไปให้ปากคำหลายครั้ง ตนเองก็ไม่ท้อใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างทำเพื่อหลวงพ่อ ทำตามคำสั่งสอนของท่าน เชื่อว่าคนที่ทำผิดกำลังจะได้รับโทษ