‘จีเอเบิล’ ชูภาพผู้นำตลาด 'ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น'

‘จีเอเบิล’ ชูภาพผู้นำตลาด 'ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น'

รุกลงทุน เอ็นเตอร์ไพร์ซ โซลูชั่น ทุ่ม 90 ล้านบาท เผยแนวคิดสำคัญ 3 ข้อ ในการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น คือ สร้างความสามารถในการวัดผล สร้างระบบอัตโนมัติ สร้างความสามารถในการขยายผลของธุรกิจ

‘จีเอเบิล’ ชูโมเดลธุรกิจใหม่สลัดภาพบริษัทไอทียุคเก่า สู่ผู้นำ “ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น” เร่งสปีดดัน 3 โซลูชั่น บิ๊กดาต้า ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง คลาวด์ เจาะตลาดใหม่ พร้อมเพิ่มทีมงานหนุนขยายธุรกิจสู่แนวคิดดิจิทัล ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ถึงปี 61 โต 15%

นายสุเทพ อุ่นเมตตาจิต กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล กล่าวว่า ปีนี้บริษัทเน้นยุทธศาสตร์การเป็น ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น เอเจนท์ เน้นช่วยลูกค้าปฏิรูปองค์กรให้ตอบโจทย์การขับเคลื่อนธุรกิจยุคดิจิทัล ชู 3 โซลูชั่นเรือธง ได้แก่ บิ๊กดาต้า มาร์เก็ตติ้ง เทคโนโลยี และ คลาวด์อินฟราสตรัคเจอร์ สอดคล้องกับนโยบายขอภาครัฐที่ไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 และเชื่อว่า ภาพรวมการลงทุนปีนี้ จะดีขึ้น จากการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐ

ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่า ปีนี้บริษัทจะมีรายได้เติบโต 10%โตจากปีที่ผ่านมา ขณะที่ ปี 61 คาดว่า จะเติบโตได้ถึง 15%

3 ปัจจัยดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม
“จีเอเบิิลเชื่อว่ามีแนวคิดสำคัญ 3 ข้อ ในการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ได้แก่ การสร้างความสามารถในการวัดผล (Measurable) การสร้างระบบอัตโนมัติ (Automated), และการสร้างความสามารถในการขยายผล (Scalable) ของธุรกิจ เพื่อให้เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้ธุรกิจ ด้วยไอที และดิจิทัล เทคโนโลยี โดยโซลูชั่นที่จีเอเบิลให้บริการทั้งหมด สามารถช่วยให้องค์กรธุรกิจตอบทั้ง 3 แนวคิด ของดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นได้"

โซลูชั่นทั้งหมดของจีเอเบิล แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1.โมเดิร์น ดิจิทัล โซลูชั่น กลุ่มโซลูชั่นที่สร้างจากการผสานนวัตกรรมใหม่ในการขับเคลื่อนธุรกิจ ดิจิทัลขั้นสูง เช่น บิ๊กดาต้า แมชชีน เลิร์นนิ่ง อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ เพื่อพัฒนาต่อยอดให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้สูงสุด โดยโซลูชั่นเรือธงของกลุ่มนี้ คือ บิ๊กดาต้า

2. เอ็นเตอร์ไพร์ซ โซลูชั่น กลุ่มโซลูชั่นที่เน้นสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีสำหรับองค์กรโดยเฉพาะ โซลูชั่นเรือธงกลุ่มนี้ คือ มาร์เก็ตติ้ง เทคโนโลยี

3. อินฟราสตัคเจอร์ โซลูชั่่น กลุ่มโซลูชั่นด้านโครงสร้างพื้นฐานในระบบสารสนเทศที่เน้นปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อนให้ง่ายในการบริหารจัดการ มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถปรับขยายให้รองรับการเติบโตของธุรกิจ หรือการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โซลูชั่นเรือธงของกลุ่มนี้ คือ คลาวด์ อินฟราสตรัคเจอร์

“ทั้ง 3 เรือธง บริษัทมองว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ให้องค์กร โดยเราเริ่มจากระดับอินฟราสตรัคเจอร์ ให้มีเสถียรภาพที่รองรับการขยายตัวทางธุรกิจได้ และต่อไปสู่การใช้โซลูชั่นบิ๊กดาต้า เพื่อเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจที่ดีกว่า จนไปถึงการขายที่นำด้วยดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งที่ใช้พลังของ มาร์เก็ตติ้ง เทคโนโลยี ผสมกับการใช้บิ๊กดาต้าที่มีอยู่มหาศาลสร้างยอดขายผ่านดิจิทัล แชนนัลที่ทันสมัย”
ปัจจุบัน คลาวด์ยังทำรายได้สูงสุด ขณะที่บิ๊กดาต้า อนาไลติกส์ เติบโตขึ้นเร็วมาก

ลงทุน 3 ด้านทุ่ม 90ล้าน
อย่างไรก็ตาม ใน 3 โซลูชั่นนี้ จีเอเบิล ต้องลงทุนพัฒนาทั้งในส่วนของบุคลากร การซื้อเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และพาร์ทเนอร์ เพื่อสร้างเป็นโซลูชั่นที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า และรวมไปถึงความเป็นไปได้การเข้าไปถือหุ้นในสตาร์ทอัพ ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งปีนี้จะลงทุนในกลุ่มของ เอ็นเตอร์ไพร์ซ โซลูชั่นมากเป็นพิเศษ คิดเป็นเงินลงทุนราว 90 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ จีเอเบิลพร้อมรุกไปยังลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น ในกลุ่มที่มีแนวโน้มต้องปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ เฮลธ์แคร์ รีเทล ขนส่ง/โลจิสติกส์ มีเดีย และกลุ่มการศึกษา ซึ่งยังไม่ทิ้งลูกค้ากลุ่มเดิมที่ยังเติบโต ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร โทรคม ภาครัฐ

“เราได้เปลี่ยนตัวเองจากการขายเทคโนโลยี มาเป็นไอที เซอร์วิส ซึ่งแนวโน้มในอนาคต การให้บริการจะมีความสำคัญ มากกว่า การขายเทคโนโลยีอย่างเดียว เช่น ขายเครื่องเซิร์ฟเวอร์เปล่าๆ คือ ภาพแบบนี้จะมีลดน้อยลงไปเรื่อยๆ อย่างในจีเอเบิลโมเดลแบบนี้เหลือไม่ถึงครึ่ง”

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมาจีเอเบิล เป็นผู้เปิดตลาด โซลูชั่น บิ๊กดาต้า ในไทย โดยลงทุนสร้างนวัตกรรมเอง ทั้งลงทุนในโครงการบิ๊กดาต้า เอ็กซ์พีเรี่ยน เซ็นเตอร์ ศูนย์ให้คำปรึกษาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์บิ๊กดาต้าครบวงจรแห่งแรกในไทย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาโซลูชั่นบิ๊กดาต้าขั้นสูงด้วยฝีมือคนไทย และถูกนำไปใช้ในหลายองค์กรเป็นรูปธรรม โดยบริษัทที่มียอดขายเติบโตสูงขึ้น 86% ในปีที่ผ่านมา

"ปีนี้ได้ต่อยอดโซลูชั่นบิ๊กดาต้า ให้ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ เช่น แมชชีน เลิร์นนิิ่ง, มาร์เก็ตติ้ง เทคโนโลยี และอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการได้ผลการวิเคราะห์ที่รวดเร็ว ใช้ประกอบการตัดสินใจในการทำธุรกิจ"

ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งโต
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ปีนี้เป็นปีที่ผู้ประกอบการทุกธุรกิจจะเลือกลงทุนกับดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ที่สามารถสร้างผลลัพธ์และวัดผลทางธุรกิจได้แบบเรียลไทม์ แต่ในไทยยังไม่ได้เน้นการใช้เทคโนโลยีการตลาดในการสร้างธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม

ส่วนตลาดคลาวด์ มีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากมูลค่าตลาดในปัจจุบัน ไปอยู่ที่ 6.825 ล้านล้านบาท ในปี 2563 ขณะที่ รายได้รวมของไอที อินฟราสตรัคเจอร์สำหรับ ไพรเวท คลาวด์ และพับลิก คลาวด์ เติบโตรวมกันอยู่ที่ 15.7% เมื่อไตรมาสที่ 4 ปี 2558

"ปีนี้เรามีแผนเพิ่มการลงทุนใน 3 ด้าน คือ คน พาร์ทเนอร์ และเทคโนโลยี โดยด้านคนเป็นส่วนที่ให้ความสำคัญสูงสุด ซึ่งเรามีการจ้างคนเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ในทีมงานที่ดูโซลูชั่นด้าน บิ๊กดาต้า ซิเคียวริตี้ และดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมธุรกิจต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้ครอบคลุมและตรงความต้องการ" นายสุเทพ กล่าว