คลังส่งตัวแทนร่วมประชุม 'อาเซียนโปแตซชัยภูมิ' พรุ่งนี้

คลังส่งตัวแทนร่วมประชุม 'อาเซียนโปแตซชัยภูมิ' พรุ่งนี้

"เอกนิติ" เผยกระทรวงคลังส่งตัวแทนร่วมประชุมผู้ถือหุ้น "อาเซียนโปแตซชัยภูมิ" พรุ่งนี้ พร้อมเสนอเปิดทางรัฐวิสาหกิจร่วมถือหุ้น

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น บมจ.อาเซียนโปแตซชัยภูมิ (APOT) ในวันพรุ่งนี้ (27 เม.ย.) โดยวาระการประชุมเบื้องต้นจะมีการพิจารณาให้มีรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับของรัฐบาลเข้ามาร่วมถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้กำชับให้มีการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

"เรื่องการพิจารณาให้รัฐวิสาหกิจ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานของรัฐบาลเข้ามาร่วมถือหุ้นในบริษัทนั้น สืบเนื่องมาจากบริษัทดังกล่าวเป็นการร่วมลงทุนกับกลุ่มประเทศอาเซียน ดังนั้นหลักเกณฑ์ในการร่วมลงทุนจึงได้กำหนดว่ารัฐบาลที่จัดตั้งบริษัทจะต้องถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งในส่วนนี้เราก็ดูว่าหมายถึงกระทรวงการคลังได้ และหลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เรากลับไปพิจารณาดูว่าในส่วนนี้จะให้รัฐวิสาหกิจเข้ามาร่วมด้วยได้ไหม เพราะรัฐวิสาหกิจก็ถือเป็นหน่วยงานของรัฐบาล ก็เหมือนรัฐบาลถือหุ้นเช่นกัน จึงต้องมาดูมติของผู้ถือหุ้นพรุ่งนี้ ว่าจะมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร"นายเอกนิติ กล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอาจจะมีการพิจารณาต่อไปว่า การถือหุ้นของบริษัทโดยรัฐบาลนั้นจะดำเนินการโดยกระทรวงการคลังอย่างเดียว รัฐวิสาหกิจอย่างเดียว หรือถือร่วมกันทั้ง 2 หน่วยงาน ซึ่งตามหลักเกณฑ์แล้ว มองว่าการถือร่วมกันทั้ง 2 หน่วยงานก็สามารถทำได้ โดยขณะนี้ยอมรับว่าจากการหารือร่วมกับรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ให้ความสนใจเข้าร่วมถือหุ้นใน บมจ.อาเซียนโปแตซชัยภูมิ ยังไม่มากนัก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์ คงต้องรอให้ได้ข้อสรุปจากการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้ก่อน

อย่างไรก็ดี การใส่เงินลงทุนเพิ่มในบริษัทดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดิมนั้น ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้วผ่านงบกลาง โดยเป็นค่าหุ้นเรียกชำระในส่วนที่ยังค้างอยู่ วงเงิน 80 ล้านบาท ส่วนการพิจารณาเพิ่มทุนครั้งใหม่ในการประชุมครั้งนี้ คงต้องรอดูความเห็นของผู้ถือหุ้นทั้งหมดด้วยว่าควรเพิ่มทุนเท่าไรเพื่อความเหมาะสม