Guardians of The Galaxy 2 : Awesome Mix แห่งจักรวาลมาร์เวล

จากภาคแรกที่ Guardians of The Galaxy สร้างเซอร์ไพรซ์ให้คนดู (โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยติดตามเวอร์ชั่น comic มาก่อน) จากแก๊งเกรียนที่จับพลัดจับผลูมารวมตัวกันเป็นกลุ่มผู้พิทักษ์จักรวาล จึงไม่จำเป็นว่าจะต้องคาดหวังอะไรกับความเก่งกาจแบบหนังฮีโร่มาร์เวลเรื่องอื่นๆ แต่เมื่อหนังภาคแรกจบลง ความลงตัวของคาแรกเตอร์ตัวละครที่จัดจ้านมาสุมหัวกัน มุกตลกอย่างรู้จังหวะ และเนื้อเรื่องที่ ‘สุด’ ไม่ต้องเหนียมอายว่าจะน่าเชื่อถือหรือไม่ ทำให้ภาคแรกสนุกถึงขั้นสนุกมาก

            มาถึงภาคนี้ต้องยอมรับว่าเราปิดการรับรู้เกี่ยวกับ Guardians of The Galaxy Vol.2 เพราะกลัวว่าภาคสองจะไปไม่ถึงจุดที่ปฐมบทได้ทำไว้ดีเยี่ยม แต่ปรากฏว่าความเจ๋งของหนังเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มอินโทรคือเปิดเผยตัวละครและเนื้อเรื่องฉับไว ไม่ต้องเอื้อนกันยาวๆ เพราะเนื้อเรื่องอยู่บนพื้นฐานคำว่า ‘มัน’ อยู่แล้ว พอเนื้อเรื่องเดินไว มาสอดคล้องกับมุกตลกที่รู้จังหวะกว่าภาคแรกเสียอีก ไม่แปลกที่จะได้ยินเสียงหัวเราะ เสียงตบเข่าฉาด หรือได้รับแรงสั่นสะเทือนจากอาการตัวโยนของคนที่นั่งข้างๆ และใกล้เคียง ตลอดทั้งเรื่อง

            ทีแรกคิดว่าการไม่กั๊ก เผยนู่นนี่นั่นไวปานฟ้าผ่า จะบั่นทอนความน่าตื่นเต้นและลุ้นระทึก แต่ผิดคาด เพราะไอ้การไม่กั๊กนี่แหละทำให้ยิ่งตื่นเต้น เนื้อเรื่องก็เดินๆๆ ตัวละครก็เผยตัวๆๆ แม้แต่ตัวละครใหม่ทั้งลับและไม่ลับก็เปิดตัวรวดเร็ว และทำหน้าที่ดำเนินเรื่องได้ทันที

            เนื้อเรื่องใน Vol.2 นี้เน้นประเด็นกว้างๆ อยู่สองประเด็น คือ การค้นหาผู้ให้กำเนิด ปีเตอร์ ควิลล์ เจ้าของฉายา สตาร์-ลอร์ด ที่สูญเสียแม่ด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่เด็ก โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าพ่อแท้ๆ ของเขาคือใคร จนกระทั่ง ยอนดู จับเขาไปฝึกเป็นหัวขโมยและเลี้ยงดู (แบบผิดๆ) สตาร์-ลอร์ด จึงมี ยอนดู เป็นเสมือนพ่อบุญธรรม

            อีกประเด็น คือ หลังจากภาคแรก สตาร์-ลอร์ด, กาโมร่า, แดรกซ์, กรูท และร็อคเก็ต ร่วมมือกันปราบศัตรูจนสำเร็จ แล้วรวมตัวกันเป็น Guardians of The Galaxy กลุ่มผู้พิทักษ์จักรวาล พวกเขากลายเป็นครอบครัวเดียวกัน พอมาภาคนี้จะเล่าถึงความเป็นครอบครัว ซึ่งเป็นพัฒนาการขั้นสองจากการกลายเป็นครอบครัว

            พอสองประเด็นมาคลุกรวมกัน การปรากฏตัวของ อีโก้ พ่อแท้ๆ ของ ปีเตอร์ ควิลล์ นี่คือจุดสิ้นสุดของการตามหาพ่อ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความจริงซึ่งเกินความคาดหมาย ขนาดหนังจบแล้วเรายังมานั่งทบทวนเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง ปีเตอร์ ควิลล์ กับ อีโก้ มันใช่เหรอ (ฟะ) แล้วมันควรจะเป็นแบบนี้เหรอ (ฟะ) ประเด็นนี้หนังนำเสนอแบบสุดโต่ง แต่ด้วยความเป็นแฟนตาซีจ๋า ความสมเหตุสมผลจึงไม่ต้องไปใส่ใจมากนัก แต่จะว่าไปการที่ ปีเตอร์ ควิลล์ เลือกทำแบบนั้นกับ อีโก้ ก็เป็นเหตุผลพอหรือเปล่านะ (เห็นไหมว่ายังตั้งคำถามอยู่เลย)

            เทียบกับภาคแรกอีกครั้ง ภาคแรกเน้นการต่อสู้เพื่อพิทักษ์จักรวาล โดยมีสองฝ่าย คือ กลุ่มผู้พิทักษ์ฯ กับ ศัตรู ตามขนบหนังซูเปอร์ฮีโร่ แต่มาภาคนี้ไม่ได้เน้นไปที่การต่อสู้ของสองฝ่าย มีทั้งฝ่ายสาม และฝ่ายสี่คือความรู้สึกนึกคิด ที่ทั้งตัว สตาร์-ลอร์ด และพวกพ้องต้องฝ่าฟันให้ได้ แน่นอนว่าฉากการต่อสู้แบบถึงเนื้อถึงตัวกับฉากไล่ล่าด้วยยานอวกาศ เทคโนโลยีและเทคนิคพิเศษจัดเต็ม แล้วมักจะถูกตัดรสชาติด้วยมุกฮาพอเหมาะพอควรมาเป็นระลอก

            เรื่องมุกตลกก็ไม่ได้ถูกอัดไว้ที่คนใดคนหนึ่ง แต่ทุกตัวมีมุกเล็กมุกน้อยกันทุกตัว ตามสไตล์ใครสไตล์มัน ทีมเขียนบทจัดการมุกได้อย่างกลมกล่อม ขนาดมีมุกทะลึ่งแค่ไหนก็ยังไม่ทำให้รู้สึกสกปรก อาจเพราะปูมหลังของตัวละครที่มีอะไรมากกว่านั้น ความเกรียนจึงไม่รถูกมองว่าเป็นการประดิษฐ์ก็เป็นได้

            ขนาดตัวละครใหม่อย่าง แมนทิส ยังสื่อสารความใสซื่อและโก๊ะได้ออกมาตลกแต่น่ารัก ยิ่งเป็น เบบี้ กรูท (กรูทตัวเล็กที่เพิ่งเกิดใหม่) จะขยับ จะทำอะไร ก็ทำเอาหัวใจพ่อยกแม่ยกสั่นระริก

            และด้วยความที่ภาคนี้หนังมีพื้นที่สำหรับขยายความเป็นมาของบริบทต่างๆ คนดูจะได้รู้จักเผ่าพันธุ์โซเวอร์เรี่ยน ว่าเป็นใคร มาจากไหน เป็นอย่างไร หรือกลุ่มเรเวนเจอร์ก็มีฉากที่อธิบายบทบาทของกลุ่มนี้มากขึ้น เรียกได้ว่าหนังมีมิติมากกว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่สู้กับสัตว์ประหลาดต่างดาวต่างพิภพ

            แฟนหนังเรื่องนี้น่าจะรู้จัก Awesome Mix เทปเพลงยุค 80 ที่ติดตัว ปีเตอร์ ควิลล์ มาตั้งแต่เด็กจนโต นั่นคือที่สุดของความเจ๋งที่เจ้าของฉายาสตาร์-ลอร์ดรักและภาคภูมิใจ หนังภาคต่อเรื่องนี้ก็คงไม่แตกต่างกัน เป็น Awesome Mix Vol.2 หนังสุดเจ๋งแห่งจักรวาลมาร์เวล

***Guardians of The Galaxy Vol.2 ฉายแล้ววันนี้ที่โรงภาพยนตร์ ทั้งระบบปกติ ระบบดิจิทัล 3 มิติ ไอแมกซ์ 3 มิติ และ 4 มิติ