จ่อตรวจสอบ! อ้าง'ผู้ใหญ่'ในพื้นที่เหนือ ขอคุยแม่เหยื่อค้ากาม

จ่อตรวจสอบ! อ้าง'ผู้ใหญ่'ในพื้นที่เหนือ ขอคุยแม่เหยื่อค้ากาม

รองอธิบดีดีเอสไอ จ่อตรวจสอบ เหตุมีคนอ้าง "ผู้ใหญ่" ในพื้นที่ภาคเหนือ ขอพบพูดคุยแม่เหยื่อค้ากาม หวั่นข่มขู่ เผยพร้อมพิจารณาให้คุ้มครองพยาน

นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความพร้อมด้วยมารดาของผู้เสียหายที่ถูกตำรวจ สังกัดสภ.แห่งหนึ่ง ในจ.แม่ฮ่องสอน บังคับค้าประเวณี เข้าพบกับ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ, พ.ต.ท.คมวิชช์ พัฒนรัฐ ผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ และพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินคดีและขอรับการคุ้มครองพยาน ภายหลังมีการอ้างเป็นผู้ใหญ่ในพื้นที่โทรศัพท์มาขอพบ

นายเกิดผล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เกรงว่าคดีจะไม่มีความคืบหน้า เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้มีอิทธิพลเข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการ แต่ล่าสุดพบว่าการทำงานของตำรวจมีความคืบหน้าสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้หลายราย อยู่ในระดับที่พอใจจึงต้องขอหารือกับครอบครัวผู้เสียหายอีกครั้งว่า ยังต้องการให้ขอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ เนื่องจากยังมีความกังวลกรณีที่ให้ตำรวจสอบสวนคดีที่มีตำรวจด้วยกันเป็นผู้ต้องหา

นอกจากนี้ ในพื้นที่ยังมีพยานที่เป็นเยาวชน จึงเกรงว่าพยานเหล่านี้อาจไม่กล้าเผยตัวให้ข้อมูลด้วย ขณะนี้พบว่ามีความพยายามจะติดต่อขอให้มารดาของผู้เสียหายไปพบกับผู้ใหญ่ในพื้นที่ โดยอ้างว่าผู้ใหญ่เป็นห่วงเรื่องดังกล่าวมาก เบื้องต้นทราบว่าหน่วยงานที่จะให้เข้าพบเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งไม่ทราบว่าจะให้เข้าพบด้วยวัตถุประสงค์ใด โดยทางมารดาผู้เสียหายได้แจ้งกลับไปว่าให้ติดต่อผ่านทนายความ แต่ก็ยังไม่พบว่ามีการประสานเข้ามาที่ตน ทั้งนี้มีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นที่อาจมีการข่มขู่จึงต้องการให้ดีเอสไอพิจารณาให้ความคุ้มครองพยานอีกทางหนึ่งด้วย

พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ดีเอสไอติดตามคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่องและทราบว่าตำรวจก็สอบสวนคดีคืบหน้าไปมาก ขณะนี้ถือว่าคดีอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ เบื้องต้นดีเอสไอจะช่วยสืบสวนข้อเท็จจริงคู่ขนานกับการทำงานของตำรวจ และสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเน้นการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในขบวนการทุกคน ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐคนใดก็ต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ ส่วนจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ต้องพิจารณาตามมาตรา 21 ของพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ว่ามีความสลับซับซ้อน และมีผู้อิทธิพลเกี่ยวข้องหรือไม่หากพบว่ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องก็ถือว่าเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษ ยืนยันว่าการดำเนินคดีจะไม่ซ้ำซ้อนกันเพราะหากเป็นคดีพิเศษ ตำรวจก็ต้องโอนคดีมาให้ดีเอสไอดำเนินการ แต่ขณะนี้ยังถือเป็นหน้าที่ตำรวจ

พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวต่อว่า สำหรับการขอคุ้มครองพยานจะมอบหมายให้พ.ต.ท.คมวิชช์พิจารณา ซึ่งอาจต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีผู้อ้างตัวติดต่อมาที่มารดาผู้เสียหายเพื่อให้เข้าพบว่าเป็นบุคคลใด หรือหน่วยงานใดที่ติดต่อผ่านมาทางผู้เสียหาย จะได้สอบถามว่าติดต่อมาด้วยเรื่องใด โดยในวันนี้( 26 เม.ย.) จะขอสอบปากคำมารดาผู้เสียหายอย่างละเอียดก่อน