'พระเทพฯ' เสด็จฯวันสถาปนาสภากาชาดไทย ครบ 124 ปี
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินมาทรงบาตร เนื่องในวันสถาปนาสภากาชาดไทย ครบ 124 ปี
วันนี้ (26 เมษายน พ.ศ.2560) เวลา 06.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินมายังสถานเสาวภา สภากาชาดไทย เนื่องในวันสถาปนาสภากาชาดไทย ครบ 124 ปี ทรงวางพานพุ่มดอกไม้และจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ต่อมา ทรงบาตรพระสงฆ์ 31 รูป และทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสทรงดำรงตำแหน่งอุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ครบ 40 ปี หลังจากนั้น เสวยพระกระยาหารเช้าและเสด็จพระราชดำเนินกลับ
ในวันเดียวกันนี้ สภากาชาดไทยยังได้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสครบรอบ 124 ปี อาทิ 1) จัดแสดงนิทรรศการภายในอาคารพิพิธภัณฑ์สภากาชาดไทยนำเสนอพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับงานบรรเทาทุกข์ 2) กิจกรรมโครงการ “124 เรื่องราว ด้วยรักและภักดี” นำเสนอภาพและเรื่องราว ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ที่มีต่อสภากาชาดไทยผ่านโซเชียลมีเดีย 3) กิจกรรมเผยแพร่คลิปสัมภาษณ์ความรู้สึกต่อสภากาชาดไทย ผ่านโซเชียลมีเดีย 4) เปิดให้ชมสวนงูของสถานเสาวภา สภากาชาดไทย ฟรี! 5) เปิดให้บริการตรวจคัดกรองมะเร็ง ปากมดลูกและมะเร็งเต้านม ฟรี! โดยทีมแพทย์จากโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ณ เทศบาลเมือง ศรีราชา จ.ชลบุรี เวลา 08.00 -12.00 น. 6) เปิดให้บริการตรวจหาเชื้อเอชไอวี โดยศูนย์วิจัยโรคเอดส์สภากาชาดไทย ฟรี! นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเปิดรับบริจาคโลหิต ดวงตา อวัยวะ และร่างกาย สอบถามเพิ่มเติมโทร.1664
สภากาชาดไทย เป็นองค์กรสาธารณกุศลแห่งชาติ กำเนิดขึ้นมาจากพระราชกระแสของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงเห็นด้วยกับบันทึกกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอพระราชทานพระบรม ราชานุญาตตั้ง “สภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยาม” ที่ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ นำขึ้นกราบบังคมทูลต่อ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี (สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) เพื่อปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ทหารที่บาดเจ็บในกรณีพิพาทระหว่างประเทศไทยกับฝรั่งเศส เกี่ยวกับเขตแดนริมฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง พ.ศ.2436 หรือ รศ.112 ทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง มีพระราชกระแสว่า “เป็นความคิดอันดีตามแบบอย่างประเทศที่เจริญแล้ว” จึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ตั้ง “สภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยาม” ต่อมาเป็น “สภากาชาดไทย” ในปัจจุบัน
และทรงรับไว้ในในพระบรมราชูปถัมภ์ สภากาชาดไทยก่อตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2436 กำเนิดขึ้นจากความปรารถนาที่จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในสนามรบ โดยไม่เลือกเชื้อชาติ วรรณะ ลัทธิศาสนา ทั้งในประเทศของตนเองและต่างประเทศ เพื่อป้องกันและบรรเทาทุกข์ทรมานของมนุษย์ทุกหนแห่ง โดยกาชาดมีจุดมุ่งหมายที่จะคุ้มครองชีวิตและสุขภาพของ ทุกคน เคารพต่อสิทธิมนุษยชน สนับสนุนและส่งเสริมความเข้าใจ ความเป็นมิตรภาพและความร่วมมือรวมถึงการส่งเสริมสันติภาพระหว่างประชากรทั้งมวล ตามหลักการของกาชาด 7 ประการ ได้แก่ 1) มนุษยธรรม 2) ความไม่ลำเอียง 3) ความเป็นกลาง 4) ความเป็นอิสระ 5) บริการอาสาสมัคร 6) ความเป็นเอกภาพ และ 7) ความเป็นสากล เพื่อเป็นที่พึ่งของผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส และประชาชนทั่วไปให้มีความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ปัจจุบันสภากาชาดไทยมีภารกิจแก่นหลักในการปฏิบัติงานที่สำคัญๆ 4 ภารกิจ คือ 1. ภารกิจบริการด้านการแพทย์และสุขภาพอนามัย สภากาชาดไทย มีโรงพยาบาลในสังกัด 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ทั้งสอง โรงพยาบาลนี้ มีหน้าที่รักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บและป่วยไข้ทั่วไป ทั่งในยามสงครามและยามปกติ ฟื้นฟูสมรรถภาพ ป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ รวมทั้งสนับสนุนการฝึกอบรม ค้นคว้า วิจัย และมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการวิชาการทางการแพทย์ให้มีความเป็นเลิศทุกๆ ด้านที่ล้ำหน้าและทันสมัย การสร้างนวัตกรรมใหม่และพัฒนาเทคโนโลยีทางการด้านการแพทย์ ด้านวิชาการ รวมทั้งการพัฒนามาตรฐานด้านการรักษาพยาบาลให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มีศูนย์ความเป็นเลิศในการให้บริการทางด้านการแพทย์แบบครบวงจรหลายศูนย์ เช่น ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ (ศูนย์มะเร็งเต้านม ) ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ ศูนย์โรคหัวใจ เป็นต้น
ซึ่งมีผลงานและรางวัลสำคัญเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมมากมาย โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา นอกเหนือจากการดูแลรักษาผู้ป่วยในท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียงให้หายรอดปลอดภัยแล้วความภาคภูมิใจที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากสถาบันต่างๆ และรางวัลชนะเลิศ “สถานพยาบาลในดวงใจ” ระดับประเทศ 8 ปีซ้อนจากสำนักงานประกันสังคมกระทรวงแรงงาน
2. ภารกิจด้านบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยพิบัติ เป็นภารกิจของสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติที่ครบวงจร ได้อย่างรวดเร็วทั่วถึง ทันเหตุการณ์มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 3 ระยะ คือ 1) การเตรียมความพร้อมก่อนเกิดภัยพิบัติภายในองค์กรและภาคีเครือข่าย ในเรื่องของ เตรียมแผนปฏิบัติงาน สมรรถนะของบุคลากรและอาสาสมัครการประสานงาน การเตรียมเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องมือสื่อสาร ช่องทางการสื่อสาร ยานพาหนะ เครื่องอุปโภค-บริโภค รวมทั้งการฝึกซ้อมการตอบสนองภัยพิบัติ เช่น หน่วยเคลื่อนที่เร็ว หน่วยครัวเคลื่อนที่ หน่วยผลิตน้ำสะอาด หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หน่วยเรือท้องแบน และการเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติของชุมชนเสี่ยงภัย
2) ระยะการจัดการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยขณะเกิดภัยพิบัติต่างๆ เช่น อุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม อัคคีภัย ภาวะอากาศหนาวเย็น ภัยแล้ง และภัยพิบัติในต่างประเทศ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรมแก่ผู้อพยพ ด้วยเครื่องอุปโภค-บริโภค เต็นท์พักชั่วคราว ยาสามัญประจำบ้าน หน่วยบริการทางการแพทย์ต่างๆ ทั้งแพทย์ทั่วไปและแพทย์เฉพาะทางแก่ผู้ยากไร้และด้อยโอกาสในสังคม รวมทั้งประชาชนในถิ่นทุรกันดาร หน่วยผลิตน้ำสะอาด หน่วยครัวเคลื่อนที่ และหน่วยน้ำสุขาภิบาลและสุขอนามัย 3) ระยะการฟื้นฟูบูรณะผู้ประสบภัยพิบัติให้กลับสู่ภาวะปกติ ด้วยการส่งเสริมอาชีพ พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ด้านการศึกษา โดยพัฒนาและปรับปรุงอาคารเรียนพร้อมมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน ด้านน้ำ และพัฒนาระบบการเตือนภัยในชุมชนเสี่ยงภัยให้พร้อมรับภัยพิบัติต่างๆ เป็นต้น
3. ภารกิจด้านการบริการโลหิต เป็นภารกิจของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ในการจัดหาโลหิตและส่วนประกอบของโลหิต เพื่อบริการให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ยังจัดทำอุปกรณ์การเจาะเก็บโลหิต เช่น ถุงบรรจุโลหิต ผลิตน้ำยาตรวจหมู่โลหิต ผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสมา ได้แก่ แอลบูมิน อิมมูโนโกลบูลิน รวมทั้งน้ำยาต่างๆ ใช้ในกิจการของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ และจ่ายให้กับสาขาบริการโลหิตทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่จัดทำแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของสาขาบริการโลหิตทั่วประเทศ ช่วยเหลือธนาคารเลือดของโรงพยาบาลต่างๆ ในด้านการตรวจสอบหมู่โลหิตที่มีปัญหาและการจัดหาหมู่โลหิตพิเศษ ฝึกอบรมระยะสั้นให้แก่บุคลากรที่ปฏิบัติงานทางธนาคารเลือดและจัดตั้งภาคบริการโลหิตแห่งชาติให้ครบ 12 ภาคทั่วประเทศ
4. ภารกิจด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมทั้งพัฒนาระบบบริหารจัดการแบบบูรณาการเชิงรุกร่วมกับคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) และสหพันธ์สภากาชาดและสภา เสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) ตลอดจนหน่วยงานองค์กรภาครัฐและเอกชนที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทยมาอย่างต่อเนื่อง