(สกู๊ป)“เอ็นโกโล ก็องเต้”แข้งซูเปอร์สตาร์จอมติดติน

(สกู๊ป)“เอ็นโกโล ก็องเต้”แข้งซูเปอร์สตาร์จอมติดติน

เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย สมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ได้มีการประกาศรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ที่มีผลงานโดดเด่นที่สุด

     โดยได้รับการโหวตจากเพื่อนร่วมอาชีพ ประจำฤดูกาล 2016-2017 ผลปรากฏว่า ผู้ที่คว้ารางวัลไปครองคือ เอ็นโกโล ก็องเต้ มิดฟิลด์ตัวรับของสโมสรเชลซี และทีมชาติฝรั่งเศส ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และส่งผลให้ต้นสังกัดครองตำแหน่งจ่าฝูงของศึกพรีเมียร์ลีกอยู่ในขณะนี้ รวมถึงพา “สิงห์บลูส์” เข้ารอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลเอฟเอ คัพ อีกด้วย โดยเอาชนะแข้งดังหลายคนทั้ง เอแด็น อาซาร์ แนวรุกเพื่อนร่วมทีม, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หัวหอกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอเล็กซิส ซานเชซ ปีกจาก อาร์เซนอล ได้แบบเป็นเอกฉันท์
     นอกจากนั้น ก็องเต้ ยังเป็นนักเตะจากแดนน้ำหอมคนที่ 4 ต่อจาก เอริค คันโตนา , ดาวิด ชิโนลา และ เธียร์รี อองรี ที่คว้ารางวัล พีเอฟเอ มาครอง
     ทำให้วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกองกลางรายนี้ให้มากขึ้น ทั้งเรื่องเส้นทางในการค้าแข้ง รวมไปถึงชีวิตส่วนตัวว่าแท้จริงแล้วเข้าต้องผ่านอุปสรรคอะไรบ้าง กว่าจะก้าวมาเป็นดาวเตะระดับซูเปอร์สตาร์ในปัจจุบัน?

นักเตะจอมติดดิน

     ก็องเต้ เริ่มอาชีพการค้าแข้งครั้งแรกกับทีม บูโลญจน์ ในฝรั่งเศส โดยถึงแม้ว่าในสนามเจ้าตัวจะมีสไตล์การเล่นที่หนักหน่วง และดุดัน อย่างไรก็ตามนอกสนามหาเป็นเช่นนั้นไม่ โดย เซดริก ฟาเบียน อดีตเพื่อร่วมทีมของ ก็องเต้ เผยว่า เขาเป็นคนที่สุภาพ และนอบน้อมมาก รวมถึงไม่ชอบทำตัวเด่นแต่อย่างใด
     นอกจากนั้นขณะที่นักเตะหลายๆคนใช้เวลาว่างส่วนใหญ่หลังจบแมตช์ หรือหลังการฝึกซ้อมในการท่องเที่ยว และปาร์ตี้ แต่ไม่ใช่ในรายของ ก็องเต้ เพราะเขาใช้เวลาดังกล่าวไปกับการเรียนจนสามารถจบปริญญาสาขาการบัญชีตั้งแต่ยังเล่นอยู่ในลีกสมัครเล่น
     เช่นเดียวกับเรื่องวัตถุภายนอก ก็องเต้ ไม่เคยสนใจในเรื่องดังกล่าวเลย โดยในสมัยที่เขาค้าแข้งกับ ก็อง ในบ้านเกิด ก่อนจะย้ายมาที่ เลสเตอร์ ซิตี นั้น เจ้าตัวมักจะขับรถสกู๊ตเตอร์มาที่สนามฝึกซ้อมเสมอ แม้ว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆจะขับซูเปอร์คาร์ รวมไปถึงในปัจจุบัน ที่ถึงแม้เขาจะเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีค่าเหนื่อยตกสัปดาห์ละ 110,000 ปอนด์ แต่แข้งทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ก็ยังใช้รถยี่ห้อ “มินิคูเปอร์” คันแรกตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งที่อังกฤษ โดยให้เหตุผลว่า “ผมไม่เคยเป็นหนึ่งในคนที่รักในรถเลย สำหรับผมแล้วผมใช้รถ มินิคูเปอร์ มาตั้งแต่ต้น และมันจะเป็นเช่นนั้นต่อไป”

ความพยายามชนะทุกสิ่ง

     ก็องเต้ ถือนักเตะที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดคนนึงในปัจจุบัน ทั้งเรื่องฝีเท้า และทัศนคติ แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าเขาต้องผ่านอุปสรรคมากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ด้วยความเป็นนักเตะที่มีรูปร่างเล็ก จนทำให้บางครั้งก็เสียเปรียบเรื่องความสูง จนทำให้ในช่วงแรกของอาชีพค้าแข้ง เจ้าตัวต้องพบกับคำปฏิเสธมากมายจากสโมสรต่างๆ ในบ้านเกิด ทั้ง แรนส์, โซโชซ์, อาเมียงส์, ลอริยงต์ และแคลร์ฟองเตนย์ ที่ไม่อยากดึงตัวเขาไปร่วมทีมด้วยเหตุผลนี้
     อย่างไรก็ตามกองกลางที่มีความสูง 5 ฟุต 6 นิ้วรายนี้ ก็พัฒนาตัวเองด้วยเสริมความแข็งแกร่งด้านร่างกายเข้าไปแทน รวมถึงยังพัฒนาจุดด้อยอื่นๆ เช่น การฝึกใช้เท้าซ้ายซึ่งเป็นข้างไม่ถนัด การฝึกจ่ายบอลให้แม่นยำมากขึ้น โดยทุกอย่างเกิดจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก จนพิสูจน์ได้ว่าความสูงไม่ได้จำเป็นกับการเล่นฟุตบอลเสมอไป
     โดย ก็องเต้ เผยถึงเคล็ดลับในการฝึกซ้อมว่า ""ผมคิดถึงสิ่งต่างๆที่อยู่นอกสนามแข่ง และสนามซ้อม เช่น เริ่มนอนให้เร็วขึ้น กินแต่อาหารดีๆ และทำทุกอย่างเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ที่สุด บางครั้งคุณรู้สึกเหนื่อยมาก แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกฟุตบอล สิ่งสำคัญคือคุณต้องจัดการความฟิตให้ลงตัว"

สู่แข้งระดับซูเปอร์สตาร์

     หลายคนรู้จักดาวเตะวัย 26 ปีรายนี้ จากการย้ายมาค้าแข้งให้กับทีม “จิ้งจอกสยาม” ในปี 2015-2016 และเพียงซีซั่นแรก เขาก็ช่วยให้ เลสเตอร์ สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกของสโมสร ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งทีมมา 132 ปี
     โดยเขาถือเป็นนักเตะที่ “ปิดทองหลังพระ” อย่างแท้จริง แม้ไม่ใช่ผู้เล่นที่โดดเด่น แต่ในสนามเขาทำผลงานได้ดีเสมอ ซึ่งจากสถิติชี้ว่าเขาคือผู้เล่นที่เข้าแท็กเกิล และสกัดบอลมากที่สุดในพรีเมียร์มากที่สุดในเวทีพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว มาจนถึงปัจจุบัน คือ แท็กเกิล 285 ครั้ง (ประสบความสำเร็จ 69%) และสกัดได้ 228 ครั้ง รวมถึงเป็นมันสมองในแดนกลางของทีมอย่างแท้จริง
    จากผลงานดังกล่าว ทำให้เขาได้รับโอกาสต่างๆมากมายในอาชีพการค้าแข้ง ทั้งการย้ายมาสู่ทีม เชลซี ด้วยค่าตัว 32 ล้านปอนด์ (ราว 1,300 ล้านบาท) พร้อมกับเป็นคีย์แมนสำคัญในระบบ 3-4-3 ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ทันที รวมไปถึงการติดทีมชาติฝรั่งเศส ไปลุยศึกยูโร 2016 ที่ผ่านมา และล่าสุดคือการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี
     แม้ในขณะนี้เขาจะขึ้นแท่นนักเตะที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่ ก็องเต้ ไม่เคยคิดเช่นนั้น และมุ่งมั่นเพียงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดี คือ ลงสนาม และการฝึกซ้อม โดยไม่เคยหลงระเริงไปคำยกยอปอปั้นที่หลั่งไหลเข้ามาแต่อย่างใด

     ต้องมาดูกันว่าในอนาคต ก็องเต้ จะยกระดับฝีเท้าของตัวเองได้ไปสู่ระดับไหน รวมถึงเส้นทางการค้าแข้งของเขาว่าจะไปสู่จุดใด หรือมีความท้าทายใหม่ใดๆบ้างที่จะเข้ามาให้เขาได้พิสูจน์ตัวเอง