มือโพส์ตกล่าวหา 'เนวิน' เป็นเจ้าของบ่อนโผล่มอบตัวเพิ่ม

มือโพส์ตกล่าวหา 'เนวิน' เป็นเจ้าของบ่อนโผล่มอบตัวเพิ่ม

ชายชาวนนบุรี มือโพส์ตกล่าวหา “เนวิน” เป็นเจ้าของบ่อนคาสิโนในเขมร โผล่มอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มอีกราย อ้างไม่ได้เจตนาแต่ยอมรับผิดที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อความก่อนก๊อปมาแชร์ส่งต่อในเฟส

ความคืบหน้ากรณีที่มีการโพส์ตภาพและข้อความในสังคมออนไลน์ พาดพิงกล่าวหา ว่านายเนวิน ชิดชอบ อดีตนักการเมืองชื่อดัง และประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นเจ้าของบ่อนคาสิโนในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้นายเนวิน ชิดชอบ ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่โพส์ตแชร์ภาพและข้อความพาดพิงกล่าวหา ฐานหมิ่นประมาทใส่ความให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลที่เข้าไปดูในเฟสบุ๊กหรือไลน์ ต่อมาเมื่อวันที่  6 เม.ย.60 น.ส.เครือวัลย์ พลพันธุ์ อายุ 45 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ที่โพส์ตภาพและข้อความในเฟสบุ๊กกล่าวหา นายเนวิน ชิดชอบ ได้เข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ฤทธิ์ไธสง รอง ผกก.สอบสวน หัวหน้างานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ตามหมายเรียกแล้ว

เมื่อวันที่ 24 เม.ย.60 นายเอกภพ เอกวุฒิภัณฑ์ อายุ 58 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี ผู้ที่โพส์ตและแชร์ต่อทั้งภาพและข้อความกล่าวหานายเนวิน ที่ถูกออกหมายเรียกอีกราย ก็ได้เดินทางมามอบตัวกับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองบุรีรัมย์แล้ว หลังถูกออกหมายเรียกเป็นครั้งที่สอง พร้อมทั้งได้รับทราบข้อกล่าวหา โดยนายเอกภพ ได้รับสารภาพว่าเป็นผู้โพส์ตและแชร์ต่อทั้งภาพและข้อความดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะหมิ่นประมาทหรือใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพียงเห็นข้อความดังกล่าวโพส์ตอยู่ในเฟสบุ๊ก จึงก๊อปปี้ทั้งภาพและรูปมาแชร์ต่อ โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบเนื้อหาให้รายละเอียดว่า ข้อความที่แชร์นั้นพาดพิงถึงบุคคลอื่นจนทำให้เสื่อมเสีย แต่หลังจากโพส์ตไปแล้วไม่นานก็ลบออก แต่ยอมรับผิดกับสิ่งที่กระทำ แม้จะไม่ได้ตั้งใจหรือมีเจตนาก็ตาม อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง เพียงเกิดจากความผิดพลาดของตนเองที่ได้ตรวจทานเนื้อหาให้ดีก่อนแชร์ พร้อมทั้งได้กล่าวขอโทษนายเนวิน ชิดชอบ ว่ารู้สึกเสียใจกับการกระทำ

ทางด้าน พ.ต.ท.สิริพงษ์ ฤทธิ์ไธสง รอง ผกก.สอบสวน หัวหน้างานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังจากนายเอกภพ ผู้ต้องหาคนทั้งสองมามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกแล้ว ก็จะได้เร่งสรุปสำนวนส่งอัยการ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนและรวบรวมหลักฐานส่งอัยการได้ในกลางเดือนพฤษภาคม นี้ สำหรับการกระทำของบุคคลทั้งสองเข้าข่ายฐานความผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ฐานเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ