ลุ้น 'ทุนธนชาต' เข้าเอ็มเอสซีไอพ.ค.

ลุ้น 'ทุนธนชาต' เข้าเอ็มเอสซีไอพ.ค.

ลุ้น "หุ้นทุนธนชาต" เข้าดัชนี "เอ็มเอสซีไอ" กลางพ.ค.

ภายหลังจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ผ่านไป มีกำไรสุทธิรวมกัน 5.19 หมื่นล้านบาท เติบโต 9%จากงวดเดียวกันปีก่อนแต่มีเรื่องให้กังวลเพิ่มขึ้น คือตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือNPL ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มีแรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง

แต่ทางตรงกันข้ามกลับหุ้นทุนธนชาต(TCAP)เป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่มีรายงานกำไรไตรมาสแรกของปีนี้ออกมาดีกว่าที่โบรกเกอร์คาดการณ์ไว้ และยังประเมินว่ามีโอกาสได้เข้าคำนวณดัชนีเอ็มเอสซีไออีกด้วย

นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ดัชนีเอ็มเอสซีไอจะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี ช่วงเช้าวันที่ 16 พ.ค.2560 ตามเวลาประเทศไทย คาดว่า หุ้นทุนธนชาตมีโอกาสถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนีเอ็มเอสซีไอในรอบนี้ นักลงทุนสามารถซื้อเพื่อเก็งกำไรจากแรงซื้อในเรื่องดังกล่าว

บล.บัวหลวง ประเมินว่าปัจจุบันทุนธนชาต ยังคงมีราคาถูกโดยซื้อขายในระดับ ราคาเทียบกับมูลค่าพื้นฐาน(PBV) ณ สิ้นปี 2560ที่เพียง 0.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคารไทยที่ 1.35 เท่า นอกจากนี้เห็นโอกาส ในการปรับประมาณการจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯที่ลดลงกว่าที่คาดและสินเชื่อที่เติบโตมากขึ้นกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาด 3% ในปีนี้ เนื่องจากยอดขายรถใหม่ที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2560และคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นในปี 2560

ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรไตรมาส2/2560 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากงวดปีก่อน เนื่องจากจะมีแรงกดดันน้อยลงจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯ เนื่องจากบริษัทมีเป้าอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายทั้งปีได้ใกล้เคียงตามเป้าที่ 157% ในไตรมาส 1/2560 นอกจากนี้เราคาดว่าสินเชื่อไตรมาส2/2560 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยไตรมาส4ปี2559 เนื่องจากกลุ่มสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อเอสเอ็มอีเริ่มดีขึ้น ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรของปี 2560 ที่ 6.5 พันล้านบาท

บล.ทรีนีตี้ มีความเห็นว่าฝ่ายวิจัย ยังคงประมาณการกำไรปีนี้ไว้ที่ 6,667 ล้านบาท โดยกำไรไตรมาส 1/2560 ที่ประกาศคิดเป็น 24% ของประมาณการทั้งปี โดยช่วงที่เหลือของปี คาดว่าแนวโน้มสินเชื่อจะดีขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจที่หดตัวในปัจจุบันอาจกลับมาเติบโตได้หากได้แรงหนุนจากภาพรวมเศรษฐกิจ และการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ส่วนค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้นมาก

อย่างไรก็ตาม การสำรองหนี้ลดลงแรงหนุนกำไรไตรมาสแรกดีกว่าคาด โดยทุนธนชาตประกาศกำไรไตรมาสแรกที่ 1,602 ล้านบาทแต่ดีขึ้น 19%จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยหากเทียบไตรมาส4/2559 รายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยยังไม่โต แต่สำรองหนี้สูญลดลงแรง สำหรับในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าแนวโน้มสินเชื่อจะดีขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป โดยราคาหุ้นปัจจุบันยังมีน่าสนใจเมื่อเทียบกับกลุ่ม

ขณะที่บล.เอเซียพลัส ประเมินว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลงกว่า 4% หลังจากที่ดัชนีกลุ่มได้ปรับขึ้นกว่า 10.2% จากต้นปีจนถึงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าเป็นการขายรับงบ หลังจากการรายงานงบธนาคารเสร็จสิ้นไปแล้ว และผิดหวังต่องบในครั้งนี้ โดยพบว่าธนาคารพาณิชย์ที่ศึกษา 10 แห่ง มีกำไรสุทธิรวมกัน 5.19 หมื่นล้านบาท เติบโต 9%จากงวดปีก่อน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์บล.เอเซียพลัส คาดไว้ 4% 

ทั้งนี้หลักๆ เกิดจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้น 14.5% จากงวดไตรมาส 4/2559 ซึ่งมาจากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มีส่วนของเอ็นพีแอลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดก่อนหน้า โดยเฉพาะกรุงไทยจะเพิ่มมากสุด จาก 3.97% ของสินเชื่อรวม ในงวดไตรมาส4/2559เป็น 4.36% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 3.2% เท่านั้น ดังนั้นกรุงไทยจึงน่ากังวลมากสุดว่าจะมีการตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นในงวดที่เหลือของปีนี้ และ มีโอกาสปรับลดประมาณการกำไรปี 2560 ลงได้