ถูกใจ!ชี้ร่างพรป.พรรคการเมือง ป้องกันครอบงำ-มีโทษคุก5-10ปี

ถูกใจ!ชี้ร่างพรป.พรรคการเมือง ป้องกันครอบงำ-มีโทษคุก5-10ปี

"สุเทพ" ชี้ "มวลมหาประชาชน" ถูกใจ กรณี "ร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง" ป้องกันครอบงำ-มีโทษจำคุก 5-10 ปี

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ไลฟ์สดผ่านเฟสบุ๊ก “Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)” ถึงกรณีการพิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐะรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่า ด้วยพรรคการเมืองของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ว่า ในอดีตของพรรคการเมือง เรามักจะเห็นว่า พรรคการเมืองถูกครอบงำโดยคนภายนอกเพื่อผลประโยชน์คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้ยกร่างกฎหมายพรรคการเมืองฉบับใหม่โดยคำนึงถึงปัญหานี้แล้วมีบทบัญญัติชัดเจนไว้ในมาตรา 28 ว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมให้คนที่ไม่ใช่สมาชิกหรือคนนอกเข้ามาครอบงำชี้นำพรรคการเมืองโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม และมีมาตรา 29 ห้ามไม่ให้ใครก็ตาม ที่ไม่ใช่สมาชิกของพรรคการเมืองนั้นเข้าไปครอบงำ เข้าไปควบคุมชี้นำพรรคการเมืองใดๆ ใครฝ่าฝืนกฎหมาย 2 มาตรานี้ มีโทษจำคุก 5-10 ปี นั่นหมายความว่า ถ้าหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคฟังคำสั่งจากคนนอก ปฏิบัติตามคำสั่งคนนอก หรือคนนอกคนนั้น ที่บังอาจเข้าไปชี้นำ ครอบงำพรรคการเมืองมีความผิด มีโทษจำคุก 5-10 ปี ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายตรงนี้ถูกใจมวลมหาประชาชน

“ที่สำคัญคือมีบทบัญญัติในกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ฉบับนี้ เช่น ไม่ให้พรรคการเมืองกระทำการที่ไม่สมควรเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และประชาชน เช่นที่เขียนในมาตรา 44 ห้ามไม่ให้พรรคการเมือง กรรมการพรรคหรือสมาชิกพรรคการเมือง ไปรับเงินใครแล้วมากระทำการที่เป็นการทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักรราชบัลลังก์เศรษฐกิจของประเทศ หรือทำลายระบบราชการ นี่ไม่เคยมี ในกฎหมายพรรคการเมืองมาก่อน แล้วถ้าใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุก10 ปี และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ของกรรมการบริหารพรรค หัวหน้าพรรค” นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันก็มีบทบัญญัติใหม่ที่ดีมาก คือมาตรา 45 ห้ามไม่ให้พรรคการเมือง กรรมการพรรคการเมือง ไปกระทำการใดๆที่ส่งเสริมการกระทำอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือไปทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 10 ปี และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง คิดว่า เป็นบทบัญญัติที่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ถ้าพรรคการเมือง นักการเมือง ไม่เข้าไปยุงยงส่งเสริมเรื่องวุ่นวายนี้ก็ไม่เกิดขึ้น ดังนั้นการที่ กรธ. มีบทบัญญัตินี้ไว้ จึงถือว่า เป็นการสร้างคุณประโยชน์ทางการเมืองให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาลสมกับที่เราตั้งความหวังว่ายุคนี้ต้องเป็นยุคของการปฏิรูปการเมือง

นอกจากนี้ นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในเรื่องการคัดเลือกตัวผู้สมัครลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกแบบแบ่งเขตหรือแบบบัญชีรายชื่อเป็นเรื่องสำคัญมากวันนี้ในร่าง กม.พรรคการเมืองที่ กรธ. ร่างไว้ในมาตรา47-48และ มาตรา 49 ไม่ค่อยตรงใจประชาชนเท่าไรในร่างนี้ให้มีกรรมการสรรหาที่พรรคการเมืองต่างๆจะต้องเลือก จะต้องตั้ง กันขึ้นมา.