รายย่อย 'หยุดเทรด' กดวอลุ่มฮวบ

รายย่อย 'หยุดเทรด' กดวอลุ่มฮวบ

รายย่อย "หยุดเทรด" กดวอลุ่มฮวบ "สมาคมบล."หวังผลประกอบการช่วยฟื้น สัดส่วนการซื้อขายนักลงทุนบุคคลลดเหลือ 43% 

มูลค่าการซื้อขายเดือนเม.ย. วูบหนัก เหลือ 3.65 หมื่นล้านบาท สัดส่วนรายย่อยเหลือ 43% สมาคมโบรกเกอร์ยอมรับมีความกังวล ระบุแรงแก็งกำไรหายไปเพราะไม่มั่นใจสถานการณ์ หวังผลประกอบการไตรมาส1 ช่วยหนุนแรงซื้อขาย ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ระบุยังเร็วไปที่จะประเมินผล

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายงานมูลค่าการซื้อขายในเดือนเม.ย.2560 พบว่า อยู่ที่ 3.65 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก เดือนมี.ค. ที่ 4.12 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายจากต้นปี ถึงปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 4.65 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ 5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้หากพิจารณาสัดส่วนต่อมูลค่าการซื้อขายพบว่า นักลงทุนรายบุคคลมาสัดส่วนในเดือนเม.ย. ที่ 43% ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ 33% สถาบันในประเทศอยู่ที่ 12% และบริษัทหลักทรัพย์อยู่ที่ 12%

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า สมาคมบล.ยอมรับว่าเป็นห่วงกับสภาพของมูลค่าการซื้อขายที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และบางวันมีมูลค่าไม่ถึง 3 หมื่นล้านบาท โดยเป็นผลมาจากนักลงทุนรายบุคคลที่หยุดการซื้อขาย หลังสภาวะตลาดหุ้นที่ไม่ชัดเจน

“สมาคมยอมรับว่ามีความกังวลกับสถานการณ์มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ปรับตัวลดลง และบางวันอยู่ในระดับ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนไม่มั่นใจสถานการณ์ทั้งปัจจัยภายในประเทศและปัจจัยนอกประเทศ”

ทั้งนี้ ภาวะความขัดแย้งในต่างประเทศยังมีอยู่ค่อนข้างมาก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่มีปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะชะลอการลงทุน เพื่อรอประเมินสถานการณ์ โดยเฉพาะนักลงทุนรายบุคคลที่มีการซื้อขายในลักษณะเก็งกำไรนั้น หายไปจากตลาด

สมาคมบล.ประเมินว่า สิ่งที่จะทำให้นักลงทุนรายบุคคลกลับมาซื้อขายอีกครั้ง จะต้องมีปัจจัยที่ขับเคลื่อนโดยเฉพาะผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 1 ที่จะประกาศออกมาหากมีทิศทางที่ดี ก็จะช่วยสร้างความคึกคักได้ ส่วนผลกระทบกับบริษัทหลักทรัพย์นั้น เชื่อว่าหากสถานการณ์ไม่แย่กว่านี้ก็สามารถที่จะรับมือได้ และไม่กระทบกับผลประกอบการของบริษัทหลักทรัพย์

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ปรับตัวลดลงนั้น ตลาดหลักทรัพย์ประเมินว่านักลงทุนชะลอการลงทุนเนื่องจากความไม่มั่นใจในสถานการณ์ โดยเฉพาะความขัดแย้งในต่างประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนรายบุคคลหยุดการซื้อขายไปด้วย อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์มองว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าหลังจากนี้ทิศทางจะเป็นอย่างไร เนื่องจากพึ่งผ่านพ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงต้องรอความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง

“การชะลอการซื้อขายน่าจะเกิดจาก นักลงทุนไม่มั่นใจในสถานการณ์ โดยเฉพาะจากต่างประเทศ ว่าจะมีทิศทางอย่างไร ทำให้ทุกคนหยุดการซื้อขาย ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ มองว่าหากทุกอย่างกลับมาเป็นปกติจะช่วยสร้างความคึกคักกับตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง”

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ประเมินว่า นักลงทุนน่าจะรอการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 1 หลังจากที่ได้มีการประกาศผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หากการเติบโตเป็นไปตามที่คาดหวังจะช่วยให้นักลงทุนกลับมาทำการซื้อขายมากขึ้น