แนะลงทุนทองคำแค่ ​'ติดพอร์ต'

 แนะลงทุนทองคำแค่ ​'ติดพอร์ต'

ส่องแนวโน้ม "ทองคำ" กูรูแนะแค่ติดพอร์ต

ปัญหาการเมืองเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่กลับมาเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้ง ทั้งในตะวันออกกลางและบริเวณคาบสมุทรเกาหลี ทำให้นักลงทุนวิ่งหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงอย่าง “ทองคำ” หนุนให้ราคาทองคำช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “พุ่ง” ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 5 เดือน ขณะที่นักวิเคราะห์เริ่มส่งเสียงเตือนให้ระวังแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นออกมา

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) มองว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับฐานได้ เนื่องจากตลาดเริ่มคลายความกังวล ต่อสถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าว นอกจากนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) พร้อมๆ กับโอกาสการปรับลดขนาดของงบดุล (Balance sheet adjustment) ที่เพิ่มมากขึ้น จะเป็นแรงหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่า กดดันราคาทองคำได้

อย่างไรก็ตามถ้าหาก สหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือจนสถานการณ์บานปลายกลายเป็นสงคราม เช่น สงครามอ่าวเปอร์เซีย หรือ สงครามบุกอัฟกานิสถาน ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยจากการศึกษาของศูนย์วิเคราะห์ทีเอ็มบี ต่อสงครามที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ ปี 2533 จนถึงปัจจุบัน ทั้งหมด 4 สงคราม (สงครามอ่าวในปี 2544, สงครามบุกอัฟกานิสถานในปี 2544, สงครามบุกอิรักในปี 2546 และ สงครามซีเรีย /โจมตี IS ในปี 2557) พบว่า ช่วง 6 เดือน นับจากการเปิดฉากโจมตีของสหรัฐฯ ราคาทองคำ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น

โดยหากซื้อทองคำในเดือนที่เกิดสงคราม และถือไว้ 5-6 เดือน จะได้ ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 5.3% ซึ่งเมื่อพิจารณาความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้น พบว่า ราคาทองคำ มีแนวโน้มที่จะผันผวนมากขึ้น ในช่วง ก่อนสงคราม 1 เดือน และจะผันผวนมากสุดในเดือนแรกของสงคราม จากนั้น ความผันผวนจะค่อยๆ ลดลง

ดังนั้น ไม่ว่าสงครามจะเกิดขึ้นหรือไม่ นักลงทุนควรเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความผันผวนที่เกิดขึ้น และเตรียมการหาแนวทางการปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความเสี่ยงที่ยอมรับได้

กิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์กองทุน ประจำประเทศไทย บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ซ (ประเทศไทย) มองว่า ทองคำไม่เหมาะเป็นสินทรัพย์ลงทุนหลัก และไม่แนะนำให้ย้ายเงินลงทุนทั้งหมดมาลงทุนในทองคำในช่วงนี้ เพราะถือว่าช้าเกินไปแล้ว

“ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนส่วนใหญ่ เข้าไปลงทุนโดยพยายามมองว่า สินทรัพย์อะไรปลอดภัยถ้าเกิดสงครามเช่นนั้นขึ้น ซึ่งทุกคนมองไปที่ทองคำ ทำให้ผลตอบแทนทองคำตอนนี้ปรับขึ้นมาค่อนข้างดี แต่อย่าลืมว่า ผลตอบแทนทองคำที่ปรับขึ้นช่วงนี้มาจากข่าวสงครามข่าวเดียวเท่านั้น ถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกิดขึ้น ผลตอบแทนทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลง”

จุมพล สายมาลาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล มองว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในขณะนี้เชื่อว่าจะเป็นเหตุการณ์ระยะสั้นจากความวิตกกังวลเรื่องสงคราม จากความเปราะบางของคาบสมุทรเกาหลีที่จะสร้างความผันผวนให้เพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตามแม้เป็นเหตุการณ์ระยะสั้น แต่ยังต้องจับตาใกล้ชิด เพราะนโยบายของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ มีความไม่แน่นอนสูง จึงเห็นได้ว่าช่วงนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีความผันผวนมากขึ้น

ในส่วนของบริษัทมีกองทุนทองคำเช่นกัน แต่เน้นเป็นกองทุนทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการจัดสรรพอร์ตการลงทุนให้มีความหลากหลายมากกว่ามุ่งเน้นขนาดของกองทุน ซึ่งหากลูกค้าต้องการมองหาการลงทุนระยะยาวก็จะเน้นการลงทุนในกองทุนประเภทอื่นที่สร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอมากกว่า

สาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ. ทิสโก้ มองว่า ผู้ลงทุนในกองทุนทองคำ ระยะสั้น 3-6 เดือน ยังถือไว้ลุ้นต่อได้ แต่ระยะกลางผู้ลงทุนคงต้องประเมินสถานการณ์ว่า สถานการณ์ยังในคาบสมุทรเกาหลีจะทวีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ ถ้ารุนแรงขึ้น จะส่งผลให้ราคาทองคำปรับขึ้นต่อไปได้

อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย และแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังไม่เปลี่ยนแปลง อาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลงรุนแรงก็ได้ อีกทั้งระยะยาว ทองคำยังไม่ใช่แนวโน้มขาขึ้นชัดเจน

ดังนั้นผู้ลงทุนที่จะหาโอกาสเข้าลงทุนกองทุนทองคำเพิ่มเติม มองว่าเป็นการเข้ามาทำกำไรเกาะไปกับกระแสข่าวควาตึงเครียดดังกล่าว ต้องเข้าออกไวมากแถมต้นทุนค่อนข้างสูงแล้ว ผู้ลงทุนเลือกความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้มากกว่า

ด้าน ชวินดา หาญรัตนกูลกรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในทองคำ โดยมองว่า เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วไป และ “ทองคำ” ถือเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่ Laggard หรือมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้อีกมาก เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ จึงน่าจะมีแรงซื้อสะสมกลับเข้ามาบ้าง อีกทั้ง เศรษฐกิจจีนและอินเดียที่ยังขยายตัวได้สูงน่าจะทำให้มีความต้องการซื้อทองคำจากสองประเทศนี้เพิ่มขึ้นอีกด้วย