เด้งตร.เอี่ยวค้ากามภาคเหนือ-สั่งสอบเข้ม

เด้งตร.เอี่ยวค้ากามภาคเหนือ-สั่งสอบเข้ม

ผบช.ภ.5เผยคดี ตร.เกี่ยวข้องค้าประเวณี กำลังอยู่ในขั้นสอบ-ดำเนินการต่อเนื่องตามขั้นตอน ด้าน ตร.ต้องสงสัย โดนสั่งเด้งไป จ.แพร่แล้ว ยันไม่ลำเอียง ผิดว่าตามผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบจากกรณีที่นางน้ำเพชร (นามสมมุติ) ได้เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน กรณีเรื่องน้องน้ำขิง (นามสมมุติ) ลูกสาว ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นประทวนนายหนึ่ง ที่ปฏิบัติหน้าที่ใน สภ.น้ำเพียงดิน ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ได้บังคับให้ค้าประเวณีให้กับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใน จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีทั้ง ตำรวจ ครู และเจ้าหน้าที่แขวงการทาง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการร้องเรียนไปยัง ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ ตำรวจภูธรภาค 5 แต่เรื่องกลับเงียบหายไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบแล้วทางเจ้าหน้าที่อ้างว่าเด็กเข้าใจผิดเอง จึงทำให้ต้องตัดสินใจเดินทางเข้าร้องเรียนต่อ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. โดยผ่านมาแล้วเป็นเวลากว่า 6 เดือน พบว่าเรื่องก็ยังไม่คืบหน้าแต่อย่างใด

ขณะที่หลังจากที่เปิดเผยเรื่องราวผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆจนกลายเป็นกระแสในสังคม ทางตำรวจพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนก็ได้มีการออกมาชี้แจงออกมาว่าตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายและพยานเพิ่มเติมมาโดยตลอด รวมถึงประเด็นที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย พร้อมทั้งส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมให้กับพนักงานอัยการแล้ว ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการ 

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นประทวนที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ถูกสั่งเด้งด่วน ไปช่วยงานที่ จ.แพร่ และอยู่ระหว่างตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งเบื้องต้นได้มีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำคดีนี้ออกนอกพื้นที่เพื่อไม่ให้เกี่ยวข้อง หรือ ยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดีนี้แล้ว นอกจากนั้นขณะนี้ ผู้เสียหายและมารดาของผู้เสียหาย ได้เข้าสู่ระบบคุ้มครองพยาน ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ฯ แล้ว ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2560

 สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ ( 23 เม.ย.) พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 ในฐานะผู้บังคับบัญชาตำรวจ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้ออกมาเปิดเผยกับทางสื่อมวลชนในเรื่องนี้ว่า จากกรณีที่มีข่าวและกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากในโลกโซเชียลเกี่ยวกับเรื่องของการที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้หนึ่งถูกกล่าวหาในเรื่องของการบังคับหญิงสาวค้าประเวณี และในเวลาต่อมาแม่ของหญิงสาวคนดังกล่าวได้นำเรื่องราวไปเผยแพร่ในสื่อโซเชียลต่างๆ จนขณะนี้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ ในสังคม และมีความสับสน ซึ่งในความเป็นจริงคดีดังกล่าวทางตำรวจภูธรภาค 5 รวมทั้งตำรวจภูธร จ.แม่ฮ่องสอน ได้มีการดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง และจริงจัง โดยไม่ได้ละเลยหรือละทิ้งหน้าที่ รวมทั้งไม่ได้มีการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนไม่ได้รับความเป็นธรรม

 โดยเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2559 ที่ได้มีการดำเนินการระดมกวาดล้างในเรื่องของการค้าประเวณีในพื้นที่ โดยในการดำเนินการดังกล่าวได้มีการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในหลายๆ คดี จนกระทั่งมาถึงคดีดังกล่าว ทางแม่ของเด็ก ซึ่งปกตินั้นก็คลุกคลีอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้วในฐานะเป็นสายข่าวให้กับเจ้าหน้าที่ และเป็นผู้ให้ข้อมูลข่าวสารในเรื่องของยาเสพติดและอาชญากรรมในพื้นที่ แต่บังเอิญไปเห็นข้อมูลการติดต่อการค้าประเวณี ที่มีรูปของลูกสาวตัวเองปรากฏอยู่ด้วย จึงเกิดความตกใจ 

ในเวลาต่อมาเมื่อได้มีการแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประมาณเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2559 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการดำเนินการแล้วโดยมีการล่อซื้อจากผู้หญิงคนที่ชื่อ เมย์ ซึ่งทำหน้าที่คล้ายผู้จัดหา แต่ปรากฏว่าวันที่ทำการล่อซื้อนั้นคนที่ชื่อ เมย์ ไม่ปรากฎตัว ซึ่งภายหลังทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการสืบสวนและทำเป็นคดีขึ้นมา จนกระทั่งหญิงคนชื่อ เมย์ ก็ได้เข้ามามอบตัวในที่สุด และกลายเป็นผู้ต้องหา โดยได้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้ว

ผบช.ภาค 5 กล่าวว่า ในเวลาต่อมาปรากฏว่าทางแม่เด็ก นั้นมีความรู้สึกว่าจากข่าวที่ปรากฏมาพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่สงสัยว่าเหตุใดกลับไม่ถูกลงโทษหรือถูกดำเนินการแต่อย่างใด แต่จากเรื่องที่เกิดขึ้นข้อเท็จจริงทางผู้บังคับบัญชาก็ได้มีการดำเนินการในส่วนนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง และได้มีการสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีคำสั่งออกมาตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่ให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง 

หลังจากนั้นทางตำรวจภาค 5 ได้มีการสั่งเพิ่มเติม และให้ทำการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงให้เป็นไปตามกฎหมาย และทาง พล.ต.ต.ปรีชา วิมลไชยจิต ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้ทาง สภ.น้ำเพียงดิน ทำการสืบสวนสอบสวนตามวินัยกฎหมายของตำรวจ โดยจากการสืบสวนสอบสวนก็ได้มีข้อเสนอมายังผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน ว่าให้มีการยุติเรื่องนี้ไว้ก่อนเนื่องจากว่ายังไม่มีพยานหลักฐาน ซึ่งทางผบก. ก็ได้พิจารณาและยังไม่สามารถยุติได้และจะต้องสอบสวนประเด็นเพิ่มเติมอีก 4-5 ประเด็น ขณะนี้ก็ยังคงดำเนินการอยู่ และอาจจะไปเกี่ยวพันกับคดีอาญาด้วย

 ส่วนในเรื่องของการดำเนินการตามคดีอาญานั้น หลังจากที่ได้มีการดำเนินคดีกับทาง น.ส.เมย์ แต่ตอนนี้คดียังไม่สิ้นสุดทางพนักงานสอบสวนก็ได้มีการสอบสวนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี พล.ต.ต.ปรีชา คอยดูแลกำกับอย่างใกล้ชิด และล่าสุดพนักงานอัยการได้มีหนังสือสั่งการ วันที่ 20 ก.พ.2560 มาโดยให้ทำการสอบสวนเพิ่มเติมอีก โดยมีเนื้อหาประมาณ 2 หน้ากระดาษ โดยให้สอบสวนในส่วนของแม่เด็ก และในส่วนของผู้เสียหาย รวมถึงผู้เกี่ยวข้องในคดีอีกหลายคน แต่กว่าจะทำการติดต่อสอบสวนบุคคลเหล่านี้ได้นั้นก็ประมาณวันที่ 25 มี.ค.2560 เนื่องจากทางเจ้าตัวไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร ประกอบกับทางเจ้าตัวไปอยู่ที่ กทม. และอยู่ในความคุ้มครองของกรมคุ้มครองสิทธิ์ในคดีอื่น ทั้งยังอ้างว่ามีความเกรงกลัว รวมถึงเหตุผลอื่นๆ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พยายามติดตามจนกระทั่งสามารถสอบสวนได้ในวันที่ วันที่ 25 มี.ค.ดังกล่าว

“ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นไม่ได้นิ่งนอนใจและเพิกเฉยเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นเลย รวมทั้งในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับนายตำรวจก็ได้มีการดำเนินการสอบสวนทั้งหมดแล้ว ซึ่งทางอีกฝ่ายก็ยืนยันมา เมื่อมีการยืนยันทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการส่งผลการสอบสวนไปให้ทางอัยการเมื่อช่วงประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้จะต้องรอว่าทางอัยการจะสั่งการในเรื่องของคดีอย่างไร ซึ่งหากทางอัยการแจ้งมาว่ามีความผิดก็จะต้องมีการจับกุมตัวนายตำรวจดังกล่าวส่งพนักงานอัยการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งทางผมยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่างโดยไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผิดก็ต้องว่าผิด และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” พล.ต.ท.พูลทรัพย์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/751289