จับรายวันแก๊งขนแรงงานเถื่อนชาวเขมร ขยายผลจับอีก 79

จับรายวันแก๊งขนแรงงานเถื่อนชาวเขมร ขยายผลจับอีก 79

จับรายวันแก๊งขนแรงงานเถื่อนชาวเขมร ขยายผลจับอีก 79 แรงงานเขมรลอบเข้าไทย

พ.อ.นิโรธ ทองม่วง ผบ.ฉก.กรม.ทพ.12(ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่12) และ พ.ต.อ.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ร่วมกันสืบทราบว่ามีแก๊งขนแรงงานเถื่อนชาวไทยนำรถยนต์กระบะมาลักลอบขนแรงงานเถื่อนชาวเขมรบริเวณชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อไปส่งขายแรงงานใน พื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการทำลายความมั่นคงของประเทศ จึงสั่งการให้ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1201ฯประสานความร่วมมือกับ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ พ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.(สส)สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว สนธิกำลังร่วมกันเฝ้าติดตามและสืบสวนหาข่าวจับกุมแก๊งลักลอบขนแรงงานเถื่อนชาวเขมรในพื้นที่เขตชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ต่อมา จนท.ชุดปฏิบัติการร่วมฯ ได้ตรวจสอบพบว่าบริเวณซอยห้องแถวให้เช่าไม่มีเลขที่ ด้านหลังร้านนานาคาราโอเกะ พื้นที่ กม.6ฝั่งขวา บ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีการลักลอบขนแรงงานเถื่อนชาวเขมร จึงนำกำลังร่วมกันบุกเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งเมื่อ จนท.เข้าไปถึงบริเวณลานด้านหน้าห้องแถวให้เช่าไม่มีเลขที่ หลังร้านนานาคาราโอเกะฯ พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว้ สีขาว ทะเบียน บล1073สระบุรี จอดอยู่บริเวณหน้าห้องแถวให้เช่าไม่มีเลขที่ บริเวณท้ายกระบะมีกระเป๋าเสื้อผ้าและกระเป๋าสัมภาระ หลายสิบใบเรียงซ้อนกันเต็มกระบะ และพบกลุ่มบุคคลซึ่งคาดว่าเป็นแรงงานเถื่อนชาวเขมรวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะด้านหลังห้องแถวให้เช่าฯ จึงนำกำลังไล่สกัดจับไว้ได้จำนวน 23 คน เป็นชาย 9 คน หญิง 14 คน ทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชาเมื่อ จนท.ตรวจสอบพบว่าเป็นแรงงานเถื่อนชาวเขมรไม่มีเอกสารการเดินทาง จึงเข้าทำการควบคุมตัวนาง สุดาพร รัตนฉัตรชัย อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ม.8ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งนั่งเป็นผู้ขับขี่อยู่ภายในรถกระบะคันดังกล่าว มาทำการสอบสวนร่วมกับ แรงงานเถื่อนชาวกัมพูชาทั้ง 23 คน

จากการสอบสวนเบื้องต้นชาวกัมพูชาทั้ง23คน อ้างว่าจะเดินทางไปทำงานที่ จ.ฉะเชิงเทรา ได้ลักลอบข้ามตะเข็บชายแดนเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติริมชายแดน อ.อรัญประเทศฯ แล้วมาพักรอเพื่อขึ้นรถยนต์กระบะคันดังกล่าวที่บริเวณห้องแถวให้เช่าไม่มีเลขที่ดังกล่าว โดยเสียค่าเดินทางมาคนละ2000บาท ส่วนนางสุดาพรฯอ้างว่าเป็นเพียงผู้รับจ้างขับรถมารับแรงงานเถื่อนชาวเขมรเท่านั้น แต่ จนท.ไม่ปักใจเชื่อคาดว่าเป็นแก๊งขนแรงงานเถื่อน จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางทั้งรถยนต์กระบะและแรงงานเถื่อนชาวเขมร23คน ส่งให้ สว.(สอบสวน)สภ.คลองลึก จ.สะแก้ว ดำเนินคดี

จากนั้น จนท.ชุดปฏิบัติการร่วมฯ ได้ร่วมกันขยายผลจากการสอบสวนแรงงานชาวเขมรทราบว่าแก๊งขนแรงงานเถื่อนชาวเขมรได้นำแรงงานเถื่อนชาวเขมรที่ลักลอบข้ามตะเข็บชายแดนเข้ามาในประเทศไทยแล้วนำมาพักรอรถจากขบวนการมารับที่บริเวณป่าละเมาะ ข้างห้องแถวให้เช่าไม่มีเลขที่ดังกล่าว จนท.จึงนำกำลังออกตรวจสอบพบบริเวณป่าละเมาะ ห่างห้องแถวให้เช่า ประมาณ30เมตร มีการสร้างเพิงพักชั่วคราวโดยใช้แสลนพลาสติคสีดำ มากั้นทำเป็นห้องลับกลางป่าละเมาะ และ จนท.ได้พบกระเป๋าเสื้อผ้าและกระเป๋าเดินทางคาดว่าเป็นของแรงงานเถื่อนชาวเขมรที่ลักลอบเข้ามาพักรอเพื่อรอรถจากขบวนการฯมารับวางเกลื่อนพื้นที่ จึงคาดว่าแรงงานเถื่อนชาวเขมรคงจะวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะ จนท.จึงระดมกำลังเข้าตรวจค้นในป่าละเมาะและสามารถจับกุมแรงงานเถื่อนชาวเขมรที่แอบเข้าไปซุกซ่อนอยู่ในป่าละเมาะฯได้จำนวนทั้งหมดรวม79คน เป็นชาย38คน และ หญิง41คน ตรวจสอบพบมีเอกสารการเดินทางแต่ไม่ได้ประทับตราเข้าประเทศจำนวน24คน และอีก55คน ไม่มีเอกสารการเดินทางแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวทั้งหมดส่งให้ ชุดสืบสวน ตม.จว.สระแก้ว นำไปสอบสวนทำประวัติพร้อมขึ้นบัญชีไว้ ก่อนประสาน จนท.ด่าน ตม.ปอยเปต ของกัมพูชา แล้วนำไปผลักดันกลับประเทศที่หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว