ค้านกฎหมายบังคับจ่ายค่าบำรุงพรรค สวน 'สุเทพ' เจ็บ

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า เป็นธรรมดาเมื่อ สนช.และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนุญ (กรธ.) มาจากการแต่งตั้งของทหาร 100% ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะให้คนเหล่านี้มาเห็นใจคนยากคนจน กรรมกร ชาวนาชาวไร่ได้อย่างไร เขาจึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องเล็ก เมื่อเขียนกฎหมายบังคับให้ประชาชนเสียเงินค่าสมาชิกพรรคการเมืองปีละ 100 บ. ซึ่งที่ผ่านมานับแต่มีประเทศไทยไม่เคยมีการบังคับ แต่ถ้ามีสภาผู้แทนราษฎรในอนาคต

ตนจะเสนอแก้กฎหมายนี้ให้สิทธิคนจนเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้โดยไม่ต้องเสียเงินต่อไป ยุคนี้เขามีอำนาจก็เชิญใช้อำนาจตามอัธยาศัย แต่วันพระไม่ได้มีหนเดียว ส่วนมาตรการข้อห้ามในการกระทำความผิดในเรื่องต่างๆที่มีเข้มงวดนานัปการและมีโทษปรับและจำคุกต่างๆนั้น กรุณาใส่มาให้เต็มที่ เพื่อในอนาคตจะเสนอกฎหมายในฐานความผิดเดียวกันทุกประการให้ใช้บังคับกับข้าราชการประจำและผู้ร่างกฎหมายด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ให้ใช้บังคับเฉพาะกับนักการเมืองเท่านั้น

นายวัชระ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (มปท.) ที่ระบุว่าเลิกเล่นการเมืองแล้ว แต่พูดเรื่องการเมืองทุกวัน ซึ่งการที่บอกว่าประชาชนเสียเงินค่าสมาชิกพรรคปีละ 100 บาทนั้นน้อยไปควรเสียสละเงินวันละบาทหรือปีละ 365 บาทด้วยซ้ำ นายสุเทพ เป็นอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เคยพูดกับสมาชิกพรรคไว้ว่า ใครมีแรงออกแรง ใครมีเงินออกเงิน แล้วมาวันนี้ทำไมต้องมาบังคับให้ประชาชนต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกพรรค ถ้า สนช. จะเชื่อนายสุเทพก็ควรคิดให้ดี ตนขอคัดค้านเรื่องเงินบำรุงพรรค ไม่ควรเอาเงินมาตั้งเป็นกำแพงขวางกั้นการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของประชาชน เพราะเงิน 100 บาท ที่บังคับจ่ายนี้ชาวสวนยางต้องขายขี้ยางถึง 3 กก. แต่ถ้าต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกพรรคการเมืองถึงปีละ 365 บาท ชาวสวนยางต้องขายขี้ยางถึง 11 ก.ก. เพื่อเป็นสมาชิกพรรคการเมือง 1 ปี ทั้งนี้นายสุเทพไม่คิดจะถามชาวสวนยางพาราก่อนหรืออย่างไร จึงขอเสนอให้คงสิทธิประชาชนของแบบเดิมดีกว่าคือ เป็นสิทธิทางการเมืองที่ไม่ต้องมีเงินมาเป็นตัวกำหนด