'นพ.ธงชัย' ชี้แจ้งจับคนส่งอสุจิข้ามชาติ มั่นใจสาวถึงขบวนการ

'นพ.ธงชัย' ชี้แจ้งจับคนส่งอสุจิข้ามชาติ มั่นใจสาวถึงขบวนการ

รองอธิบดี สบส. ลั่นแจ้งความเอาผิดผู้ลักลอบนำอสุจิข้ามชาติ รอหนังสือยืนยันผลตรวจอย่างเป็นทางการจากรพ.ขอนแก่น มั่นใจสาวถึงต้นตอแหล่งปล่อยอสุจิได้ พบรู้เห็นเอาผิดทั้งขบวนการ

จากกรณีที่มีการจับกุมชายไทยพร้อมของกลางเป็นถังไนโตรเจนภายในบรรจุหลอด 6 หลอดที่บรรจุอสุจิ และมีการกล่าวพาดพิงว่ารับอสุจิมาจากคลินิก 4 แห่งในกทม. โดยคลินิก 1 ใน 4 แห่งได้ออกมาแถลงยอมรับว่า 2 ใน 6 หลอดเป็นอสุจิที่เบิกไปจากคลินิกแห่งนี้จริง แต่ไม่รู้เห็นกับการเคลื่อนย้ายและขนส่งอสุจิแต่อย่างใด และผลการตรวจจากรพ.ขอนแก่นระบุว่าทั้ง 6 หลอดเป็นอสุจิจริง

ล่าสุด นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้สบส.รอผลการตรวจยืนยันว่าเป็นอสุจิของคนจริงอย่างเป็นทางการจากรพ.ขนอแก่น จากนั้นจะดำเนินการแจ้งความกับผู้ที่นำอสุจิออกนอกประเทศ ก่อนจะตรวจสอบต่อไปถึงขั้นตอนต่างๆของการเคลื่อนย้ายและขนส่งอสุจิดังกล่าว โดยสามาถตรวจสอบได้จากเอกสารที่ระบุไว้ที่หลอดบรรจุอสุจิ เพื่อให้ทราบถึงต้นตอของอสุจิและมีผู้ใดหรือสถานพยาบาลใดเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการนำอสุจิออกประเทศด้วยหรือไม่ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

นพ.ธงชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ศูนย์ซูพีเรีย เอ.อาร์.ที ออกมายอมรับว่า 2 ใน 6 หลอดเป็นอสุจิที่มีการเบิกไปจากศูนย์ฯ แต่ไม่รู้เห็นกับการเคลื่อนย้ายหรือขนส่งหลังจากมีการเบิกไปแล้ว และมีหลักฐานมาแสดง แต่ทางสบส.ก็ต้องเข้าไปตรวจสอบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเหมือนกันกับทุกคลินิก

"กรณีนี้ยังไม่อยากให้ฟันธงว่าเป็นการนำอสุจิออกไปเพื่ออุ้มบุญ เพราะต้องไปตรวจสอบก่อนว่า เจ้าของอสุจิที่มาฝากกับทางคลินิกในไทยนั้น ขณะที่ฝากอาจยังอยู่ประเทศไทย แต่ทุกวันนี้อาจไปอยู่ต่างประเทศ จึงอยากขอย้ายอสุจิของตนหรือไม่ ตรงนี้ต้องไปตรวจสอบ แต่หากไม่จริงก็ต้องไปสืบว่าเป็นเพราะสาเหตุใด จะเชื่อมโยงกับการนำไปรักษาภาวะมีบุตรยากของตัวเอง หรือการอุ้มบุญ ทั้งหมดต้องรอหลักฐาน ปัญหาคือ หากเป็นเรื่องอุ้มบุญ หากออกนอกประเทศไปแล้ว และจับไม่ได้เหมือนกรณีนี้ ก็จะไม่สามารถไปเอาผิดได้ เพราะกฎหมายไทยใช้ได้เฉพาะภายในประเทศ” นพ.ธงชัย กล่าว

นพ.ธงชัย กล่าวอีกว่า หลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบคลินิก 2 แห่งจาก 4 แห่งที่ถูกกล่าวอ้างไปนั้น เบื้องต้นไม่พบอะไรผิดปกติ และอีก 2 แห่งจะมีการตรวจในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม จริงๆ การลงพื้นที่ตรวจสอบก็เพื่อดูมาตรฐานของคลินิกแต่ละแห่ง แต่ข้อเท็จจริงแล้วต้องรอผลการตรวจสอบก่อนว่า ในหลอดที่อยู่ในถังไนโตรเจน เป็นเชื้ออสุจิทั้งหมดหรือไม่ และภายในจะระบุได้ว่าเป็นของคลินิกใดเพิ่มเติม และมีหลักฐานต่างๆมากกว่านี้ ซึ่งหากพบหลักฐานเพิ่มเติมก็สามารถเข้าตรวจสอบคลินิกได้อีกครั้ง

รองอธิบดีสบส. กล่าวด้วยว่า ประเด็นของเรื่องนี้ต้องแยกให้ชัด เพราะขณะนี้สังคมอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจาก 1.การตรวจสอบว่าเป็นเชื้ออสุจิหรือไม่ และเป็นของใครก็เพื่อให้ทราบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนถังที่บรรจุอสุจิออกนอกประเทศด้วยหรือไม่ เพราะเมื่อมีหลักฐานเบื้องต้นก็จะสามารถไปตรวจสอบและหาข้อมูลว่าคลินิกมีส่วนรู้เห็นกับการส่งออกนอกประเทศหรือไม่ อย่างไร เพราะหากมีก็จะมีความผิดที่ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ ขาย นำเข้า ส่งออก ซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือ ต้องรอผลการตรวจสอบยืนยันเชื้ออสุจิ จากทางรพ.ขอนแก่นก่อน และ 2.กรณีที่ขณะนี้สังคมอาจเข้าใจว่ามีการเชื่อมโยงว่า นำอสุจิไปอุ้มบุญที่ต่างประเทศหรือไม่ เพราะประเทศไทยมีกฎหมายเข้มงวด เรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเป็นการอุ้มบุญ และอาจกระทบต่อประเทศไทยในแง่ความเข้าใจสับสนกับเรื่องการรักษาภาวะมีบุตรยากได้