นายกส.ธุรกิจบ้านจัดสรรเร่งปลดล็อกแบงก์ปฏิเสธสินเชื่อ

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยในงานประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมฯ เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่าได้วางภารกิจสำคัญที่จะผลักดันอย่างต่อเนื่องภายหลังเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เป็นวาระที่3 (ปี2560-2561) โดยจะผลักดันให้สถาบันการเงินเห็นถึงความสำคัญในการปล่อยสินเชื่อโครงการตั้งแต่วันแรกที่ลูกค้าจองซื้ออสังหาฯ ในเป็นรูปแบบที่ให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ Pre- Finance ให้แก่ผู้ประกอบการ และปล่อยสินเชื่อสำหรับบุคคลซื้อบ้าน หรือPost -Finance ให้กับผู้ที่จะซื้อบ้าน 

โดยเมื่อลูกค้าจ่ายเงินให้กับธนาคารแล้วก็เท่ากับว่าธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อแล้ว หรือเปรียบเหมือนให้ผู้ซื้อผ่อนดาวน์กับทางสถาบันการเงินตั้งแต่วันแรกได้เลย โดยที่ไม่ต้องผ่านผู้ประกอบการ และสถาบันการเงินก็จะนำเงินฝากของผู้ซื้อในส่วนนี้ไปจ่ายให้ผู้ประกอบการอีกครั้ง โดยในปัจจุบันโมเดลPre-mortgage finance ใช้ในสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย อยู่แล้ว แตกต่างจากไทยที่มาจดจำนองตอนโอนกรรมสิทธิ์ หรือ Post-Mortgage

สำหรับโมเดลนี้จะส่งผลดีต่อ 3 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน ที่ได้ปล่อยสินเชื่อโครงการ และได้เห็นประวัติการชำระเงินของผู้ซื้อ ส่วนผู้ซื้อก็รู้สึกว่าได้ผ่อนดาวน์กับสถาบันการเงิน รวมถึงด้านผู้ประกอบการก็จะเกิดความสบายใจตรงที่ผู้ซื้อรายนั้นๆได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารแล้ว และทำให้เกิดความมั่นใจในการลงทุน ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องรีเซลโครงการในกรณีที่สินเชื่อไม่ผ่าน

นอกจากนี้ ยังจะประสานงานดูแลเรื่องกฎหมายว่าด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)โดยจะดูเรื่องการกระจายอำนาจ ผลักดันให้มีมาตรฐานที่คล้ายคลึงกัน หลังพบว่าจากที่มีการปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุมัติ EIAโดยได้กระจายอำนาจจากเดิม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สพ.)เป็นผู้ดูแลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา เช่น หน่วยงานท้องถิ่น จาก 7 จังหวัดเป็น 11 จังหวัด ให้กระบวนการรวดเร็วมากขึ้น จากปัจจุบันที่ยังไม่ค่อยแอคทีฟมากนัก

เช่น หลังกระจายอำนาจให้กรุงเทพมหานครดำเนินงานดูแลได้ 2 เดือนกว่า พบว่ามีจำนวนรวม 80 โครงการในมือ แต่อนุมัติได้เพียง 10%ของโปรเจคทั้งหมด ซึ่งยังถือว่าค่อนข้างทำได้ช้า อย่างไรก็ดี มองว่าอาจเป็นการดำเนินช้าแบบชั่วคราว เพราะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นหลังจากกระจายอำนาจ

ทั้งนี้ ทางสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรยังมีแผนงานส่งเสริมด้านการตลาดและขาย ทั้งงานที่จัดกิจกรรมร่วมกับสมาคมอื่นๆ และจัดสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรจัดงานเอง เช่น งานมหกรรมบ้านดี 4 มุมเมือง เป็นต้น เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯ

ปัจจุบันยอดขายจากเซ็กเมนต์บ้านระดับราคา 1-5 ล้านบาท มีสัดส่วนคิดเป็น 70%ของตลาด และที่เหลืออีก 30%ประกอบด้วยสัดส่วนยอดขายจากเซ็กเมนต์บ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท และบ้านระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท รวมถึงบ้านที่ราคาต่ำกว่าล้านในสัดส่วนน้อยสุดของตลาด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบ้านในเซ็กเมนต์แรก หรือระดับราคา 1-5 ล้านบาท เป็นสัดส่วนใหญ่สุดในตลาดและมองว่าเป็นตลาดReal Demandแต่ก็กำลังประสบปัญหากู้ไม่ผ่านมากที่สุด ซึ่งถ้าหากกลุ่มนี้ยังมียอดปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินสูงก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯอีกมาก