‘เอเอ็มดี’เร่งเกมซีพียูบุกหนักตลาดไทย

‘เอเอ็มดี’เร่งเกมซีพียูบุกหนักตลาดไทย

“เอเอ็มดี” เพิ่มโฟกัสตลาดไทย ส่งรุ่นใหม่บุกหนักตลาดกลาง-บน เชื่อโอกาสโตดี คุยเทียบคู่แข่งราคาถูกกว่า-ประสิทธิภาพสูงกว่าเรือธงจากอินเทลถึง 87%

นายไรอัน ซิม ผู้อำนวยการฝ่ายช่องทางการขาย ประจำภูมิภาคอาเซียนและประเทศอินเดีย บริษัท เอเอ็มดี ฟาร์อีสต์ จำกัด กล่าวว่า เตรียมเข้ามาโฟกัสการทำตลาดโปรเซสเซอร์ระดับกลางถึงบน รวมถึงเข้ามาลงทุนในตลาดประเทศไทยมากขึ้น

ทั้งนี้ ด้วยไทยเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ มีศักยภาพเติบโตได้ดี โดยเฉพาะตลาดไฮเอนด์และเกมมิ่ง โดยเฉลี่ยแต่ละปียอดขายตลาดรวมพีซีมีอยู่กว่า 2 ล้านเครื่อง

ที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าที่ซื้อคอมพิวเตอร์ประกอบเอง(ดีไอวาย) กว่า 50% ซื้อเครื่องเพื่อเล่นเกม อีสปอร์ตหรือการแข่งขันอีฬาอิเล็กทรอนิกส์กระแสแรงมาก ขณะนี้ไทยเป็นตลาดเดสก์ทอปสำหรับเกมมิ่งที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับกลยุทธ์ เน้นจุดแข็งด้านผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง เทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าคู่แข่ง สำคัญในบางรุ่นเทียบสเปคที่เท่ากันราคาถูกกว่าไม่น้อยกว่า 10-50%

ด้านการทำตลาด มุ่งสร้างความเชื่อมั่น พัฒนาแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก นอกจากนั้นมีโปรโมชั่นบันเดิลขายไปกับเกม แจกโปรแกรมยอดนิยม เช่น โฟโต้ช็อป และไลต์รูม ให้ใช้ฟรี 3 เดือน ทั้งมีโรดโชว์ และเข้าไปร่วมสนับสนุนงานอีเวนท์เกี่ยวกับเกม ปีนี้จะเน้นการตลาดบนออนไลน์มากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ จะร่วมมือกับคู่ค้าในไทยพัฒนาให้อีโคซิสเต็มส์ในภาพรวมให้เติบโต และเตรียมเพิ่มบุคลากรประจำสำนักงานไทยรองรับการเติบโตของธุรกิจ

ล่าสุด เปิดตัวสินค้าใหม่ โปรเซสเซอร์สำหรับเดสก์ท็อป “เอเอ็มดี ไรเซ็น 5 (Ryzen 5)” 4 รุ่น มาพร้อมราคาให้เลือกหลากหลาย 6,290-9,490 บาท นับเป็นราคาที่เข้าถึงได้ในตลาดแมส ขณะเดียวกัน ทำงานได้แบบมัลติทาสกิ้ง ประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง “เอเอ็มดี ไรเซ็น 5 1600 x” เร็วกว่าเรือธงของอินเทลรุ่น “คอร์ ไอ 5 7600เค” ถึง 87%

“เป็นครั้งแรกที่เรากล่าวได้ว่า สามารถชนกับซีพียูของคู่แข่งได้เต็มรูปแบบ มีสินค้าเติมเต็มตลาดระดับบนรวมถึงเกม จากเดิมได้ถึงแค่คอร์ไอ 5 ราคา ไม่เกิน 10,000 บาท แต่ขณะนี้ได้ถึงไอ 7 ในเกือบ 2 หมื่นบาท”

ครึ่งปีหลังจะมีซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์ รองรับการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์ และดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงซีพียูสำหรับโน้ตบุ๊คจากผู้ผลิต 5 แบรนด์เข้ามา

“ซีพียูใหม่ประสิทธิภาพสูงที่เข้ามา จะทำให้บริษัทเติบโตได้มากขึ้น ตั้งเป้าไว้ด้วยว่า จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดโน้ตบุ๊ค 11% ภายในสิ้นปี 2560 จะเพิ่มไปได้ถึง 15% ส่วนเดสก์ทอป ดีไอวาย 25-28% จากเดิม 18-20%”