เลือกลงทุนรายตัว

เลือกลงทุนรายตัว

สรุปสภาวะตลาดสหรัฐฯ และยุโรป ( 12 เม.ย. 2560 – 19 เม.ย. 2560)

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลง DJIA -0.91% เนื่องจาก IBM รายงานงบ 1Q60 ต่ำกว่าคาดการณ์ และแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง FTSE100 -3.19%, DAX -1.14% และ CAC ฝรั่งเศส -1.91% เมื่อ Theresa May นายกอังกฤษ ประกาศยุบสภา และจะเตรียมจัดการเลือกตั้งเร็วกว่าคาด และปิดความเสี่ยงจากการเลือกตั้งฝรั่งเศส

สรุปสภาวะตลาดหุ้นจีน ( 12 เม.ย. 2560 – 19 เม.ย. 2560)

ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลง -3.15% แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจีนเช่น GDP ใน 1Q60, ผลผลิตโรงงาน และยอดค้าปลีกจะออกมาดีกว่าคาด แต่นักลงทุนยังคงกังวลกับปัจจัยความไม่สงบทางการเมืองระหว่างประเทศ

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 12 เม.ย. 2560 – 19 เม.ย. 2560)

SET INDEX ปรับตัวลงกดดันโดยกลุ่ม ธนาคาร หลังผลประกอบการของ KTB / TMB ส่งสัญญาณ NPLs เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อแนวโน้มการตั้งสำรองที่สูงในช่วงที่เหลือของปี และกลุ่มพลังงาน ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ NYMEX -5.25%wow หลังตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบและจำนวนแท่งขุดเจาะน้ำมันสูงกว่าคาด ปิด ณ ที่ระดับ 1,567.19 จุด ปรับตัวลดลง -22.31 จุด -1.40%

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (21 - 27 เม.ย.)

เราคงมุมมองต่อการลงทุนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า “กลาง” ต่อเนื่องจาก 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยการลงทุนทั้งในและต่างประเทศอ่อนแอลง อีกทั้งเป็นช่วงเทศกาลประกาศงบการเงินของกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคารต่อเนื่องถึงกลางเดือนพ.ค. ทำให้ภาพ SET INDEX มี upside gain ที่จำกัด เป็นการเลือกลงทุนรายหลักทรัพย์ (Stock Selection) มากขึ้น อีกทั้งเดือนพ.ค.มีโอกาสเกิด “Sell in May and Go Away Effect” เหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนต่างระมัดระวังการลงทุนมากยิ่งขึ้น สะท้อนกลับมายังมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเฉลี่ย 3.5-4.0 หมื่นล้านบาท/วันเท่านั้น เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,555-1,580 จุด

ปัจจัยเด่นในสัปดาห์หน้า คือ ผลการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศสที่มีขึ้นในวันที่ 23 เม.ย. เป็นการแข่งขันระหว่างนาย Macron และ นาง Le Pen เราจะเริ่มทราบผลการนับคะแนนในช่วงเช้าวันที่ 24 เม.ย.ตามเวลาประเทศไทย ผลโพลล์ล่าสุด คาดว่าทั้ง 2 คนจะเข้าสู่รอบการเลือกตั้งที่ 2 วันที่ 7 พ.ค.

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ นักลงทุนเข้าเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงาน 1Q60 ของกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคารเป็นสำคัญ ส่วนกลุ่มธนาคารหลังเกิด Sell on Fact หลังผลการดำเนินงานประกาศในสัปดาห์นี้แล้ว เรามองว่ายังไม่ใช่จังหวะของการกลับเข้าสะสมหุ้นกลุ่มดังกล่าวเพื่อเก็งกำไรในรอบต่อไป เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่ในช่วงสั้น เป็นเพียงการแกว่งตัวตามสัญญาณทางเทคนิคเท่านั้น

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า

1. ติดตามการรับฟังความเห็นต่อร่างกฎหมายปฎิรูปโครงสร้างภาษี และร่างกฎหมายกำกับดูแลสถาบันการเงินของพรรค Republican

2. ติดตามการประชุม BoJ / ECB วันที่ 27 เม.ย.

3. ติดตามความคืบหน้าบนคาบสมุทรเกาหลี หลังกองเรือของสหรัฐฯ จะเข้าสู่น่านน้ำในช่วงวันที่ 25 เม.ย.

4. ติดตามตัวเลขการส่งออก – เข้า เดือนก.พ. ของไทย วันที่ 28 เม.ย.

5. ติดตามการทยอยประกาศงบการเงินของหุ้นที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เช่น SCC / HMPRO / TPIPP เป็นต้น

6. ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่สำคัญ ได้แก่ GDP ใน 1Q60 ของสหรัฐฯ / ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค อียู / อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่น