จับกระแส 'หนังอีสาน' กำลังบูม..นายทุนวิ่งวุ่น?

จับกระแส 'หนังอีสาน' กำลังบูม..นายทุนวิ่งวุ่น?

เบื้องลึก จับกระแส "หนังอีสาน" กำลังบูม..นายทุนวิ่งวุ่น?

ปรากฏการณ์หนังต้นทุนต่ำ อย่าง 'ไทบ้านเดอะซีรีย์' ที่สามารถโกยเงินแบบไม่เจ็บตัว รวมไปถึงหนัง ‘ฮักมั่น’ ที่เข้าโรงภาพยนตร์ในช่วงไล่เลี่ยกัน ก็รอดสบายแบบได้ประสบการณ์เพื่อทำหนังเรื่องต่อไป

ขณะเดียวกัน แว่วว่าทีมงานของ ‘ผู้บ่าวไทบ้าน’ ก็เตรียมโปรเจคหนัง กำลังดำเนินการอยู่เหมือนกัน ยังไม่นับรวมกลุ่มอื่นๆ ที่เริ่มขยับเพื่อสร้างหนังในภาคอีสาน หลังมีกระแสตอบรับจากคนอีสานทั่วประเทศ

ทำให้เชื่อว่าการทำหนังด้วยกลยุทธ์ ‘ป่าล้อมเมือง’ ยังสามารถไปได้ไกลกว่านี้ จะเข้าถึงคนทั่วประเทศได้มากกว่านี้

แน่นอนว่ากลุ่มคนทำหนังในอีสาน ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก่ากำลังยิ้มออก และทีมงานก็น่าจะคึกคักไปด้วย เพราะ ‘นายทุนภูธร’, ‘นายทุนโรงหนัง’, ‘นายทุนสายหนัง’ และ ‘นายทุนนักการเมือง’ ต่างเดินเข้าหา ‘ผู้กำกับหนังมือใหม่’ ที่มีประสบการณ์ในแง่การทำหนังใหญ่และหนังสั้นมาก่อน เพื่อซับพอร์ตเรื่องเงินสร้างหนังหวังฟันกำไรอย่างน้อย 1-2 ล้าน หรือถ้าได้แบบถูกหวยกำไร 10 ล้านก็ยิ่งดี ไม่ต้องโดนใจมหาชนแบบโกย 100 ล้าน ที่ค่ายหนังใหญ่เขาทำก็ไม่เป็นไร

เหตุที่นายทุนต่างสนใจ อยากให้เงินทำหนังเรื่องโปรดักชั่นหลักแสน บวกค่าพีอาร์อีกสักครึ่งล้าน เพื่อปลุกกระแสให้คนสนใจ เพราะมุ่งสร้างกระแสปากต่อปากในโซเชียลมีเดีย อย่าง เฟซบุ๊ค และยูทูบ ซึ่งเป็นสื่อใหม่ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีและเร็ว-แรงที่สุดในยุคนี้ ไม่ต้องไปพึ่งสื่อทีวีนาทีละแสน หรือลดลงราคาหลักหมื่นในทีวีดิจิตอล ก็อาจไม่ตอบโจทย์ก็เป็นได้

เรื่องโปรดักชั่นการทำหนังนั้น เดี๋ยวนี้ง่ายขึ้นมาก ทั้งเรื่องกล้องและทีมงาน เพราะถ้าคุยกันถูกใจ จะทำคอสต์ (ต้นทุน) ให้ถูกลงก็ง่าย เพราะมือใหม่อยากสร้างงานเพื่อโชว์ผลงาน ส่วนมือเก่าต้องอยากทำงานเพราะกลัวถูกลืม ถูกกลบจากคลื่นลูกใหม่

ขอบอกตรงๆ ว่าต่อไป ค่ายหนังใหญ่ๆ หลายค่ายที่เคยได้ 100 ล้านจากหนัง ทั้งจริงทั้งหลอก? คงต้องคิดหนักอยู่เหมือนกัน เพราะเมื่อภาคอีสานเป็นตลาดใหญ่คนดูหนัง มีกลุ่มคนเข้ามาทำ ‘หนังภูมิภาค’ โดยใช้ภาษาถิ่นและโลเกชั่นที่คุ้ยเคย และมี ‘สายหนัง’ ที่พร้อมจะเปิดโรงฉายรับ จะบีบ ‘หนังไทยแบบเก่า’ ที่ถ้าไม่ดีจริงๆ มีกระแสจริงๆ จะไม่สามารถโกยเงินในอีสานได้

ว่ากันว่า อีกไม่นาน หนังอีสานอาจเข้าโรงให้ชมกันทุกเดือนกันเลยทีเดียว แต่เรื่องคุณภาพและจะโดนใจคนอีสานหรือเปล่า ต้องรอดูกัน ซึ่งแม้จะลงทุนน้อย แต่ก็เสี่ยงแจ้งดับแทนแจ้งเกิดได้เหมือนกัน

เสียงกระซิบอัพเดทว่า หนัง ‘ครูของข้อย’ ที่ถ่ายทำใน สปป.ลาวทั้งเรื่องก็ว่าได้ ของ รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ คณบดีศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นายทุนเป็นบริษัทโปรดักชั่นใหญ่ในกรุงเทพฯ เข้ามาโอบอุ้มดูแล คาดว่าจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เร็วๆ นี้หรือไม่ คงต้องติดตาม

ส่วนหนังประเด็นดี แต่ปัญหาเยอะ อย่าง ‘ฮักเขาใหญ่’ ยังเหมือนเป็นลูกผีลูกคน หนังทำโปรดักชั่นจบไปนานแล้ว แต่นายทุน ‘ใจไม่ใหญ่’ คงคาราคาซังไปอีกนาน หรือไม่จริง?

ดูเหมือนกระแสหนังอีสานบูมขนาดนี้ แต่คนรุ่นใหม่ที่ราบสูงมีความรู้ด้าน ‘ภาพยนตร์’ อาจยังน้อย ดังนั้น เมื่อตลาดเปิด ช่องทางฟรีผ่านเฟซบุ๊คและยูทูบเป็นตัวช่วย ซึ่งผู้บริหารมหาวิทยาลัยแห่งใด มองออก-มีวิสัยทัศน์ ควรชุบมือเปิบ ลุยเปิด ‘หลักสูตรภาพยนตร์’ ได้ก่อน ยิ่งได้เปรียบในแง่การตอบโจทย์ตลาดที่น่าจะเติบโต ซึ่งสถาบันการศึกษาในภาคอีสาน ยังไม่มีมั้ง?

และแว่วมาว่า ‘มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มมส’ จะเปิดหลักสูตรวิชาภาพยนตร์ ภายใต้การนำของ ผศ.ดร.ปรีชา สาคร หัวหน้าภาควิชานิเทศศาสตร์ สู้ผลักดันจนน่าละเหี่ยใจ เพราะ ‘ผู้หลักผู้ใหญ่’ ในมหาวิทยาลัยดูท่ายังนิ่งๆ แบบเหมือนเข้าใจ แต่ไม่เข้าเกียร์เดินหน้า?

เอาเป็นว่า กระแส ‘สร้างหนังอีสาน’ จะมาแรงต่อเนื่องหรือป่าว ไม่ใช่แค่ ‘คนดู’ อย่างเดียวว่าคิดอย่างไร ขึ้นอยู่กับ ‘คนสร้าง’ ด้วยว่า มีของ-มีดีหรือเปล่า??