ศาลอนุมัติหมายจับ 8 คน เครือข่าย 'ซินแสโชกุน'

ศาลอนุมัติหมายจับ 8 คน เครือข่าย 'ซินแสโชกุน'

สมาพันธ์ต้านแชร์ลูกโซ่นำเหยื่อ-หลักฐาน คดีซินแสโชกุน เข้าพบตร.กองปราบฯ ถก6หน่วยงานทำคดี อนุมัติหมายจับ 8 คนข่ายซินแสโชกุน

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย นำนายฉัตรมงคล บำเพ็ญ หรือ ติ๊ก นักแสดง และผู้เสียหายอีกกว่า 30 คน เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน และนำหลักฐานซึ่งประกอบไปด้วยรายชื่อแม่ข่ายกว่า 10 คน รวมทั้งสมาชิกบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายตรงของ น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน กรรมการบริหาร บริษัท เวลล์ เอฟเวอร์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ภายหลังจัดทัวร์ญี่ปุ่นแบบขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำแล้วลอยแพผู้เสียหายนับพันคน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อมามอบให้พนักงานสอบสวนเป็นหลักฐาน

นายสามารถ กล่าวว่า วันนี้(17 เม.ย.)ได้นำข้อมูลแม่ทีมมามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับกระบวนการหลอกลงทุน โดยให้ผลตอบแทนเป็นรายเดือน มีการเอาทัวร์มาบังหน้า และกลุ่มแม่ทีมซึ่งตำรวจจะต้องมีข้อมูล เพื่อติดตามทรัพย์มาคืนให้กับผู้เสียหาย ซึ่งแม่ทีมเหล่านี้จะมีพฤติกรรมในการเปลี่ยนวงแชร์ไปเรื่อยๆ โดยจะผันตัวเองเป็นผู้เสียหาย เงินของผู้เสียหายจะอยู่ที่กลุ่มแม่ทีมเหล่านี้เยอะที่สุด มีรายชื่อแม่ข่ายมากกว่า 10 คน ส่วนความเสียหายยกตัวอย่างเช่น ทัวร์ท่องเที่ยวจะมีราคาตั้งแต่ 4,700-20,000 บาท ซึ่งทางซินแสโชกุนไม่เคยพูดเรื่องการขายทัวร์ แต่เอาเงินมาลงทุนแล้วให้สิทธิ์ในการไปเที่ยว บางคนได้ส่วนแบ่งจึงนำทัวร์ไปขายกันเอง ค่าส่วนต่างตรงจุดนี้จึงอยู่กับแม่ข่าย ส่วนเงินลงทุนที่เสนอผลตอบแทนเป็นรายเดือนก็ยังมีค่าแนะนำอีก 20% ให้กับแม่ทีม จึงได้ให้นายฉัตรมงคลมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่

นายสามารถ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทางสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย จะนำเอกสารคำร้องของผู้เสียหายไปยื่นต่อสำนักงานเศรษฐกิจกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยในการทำสำนวนฟ้องล้มละลาย เพื่อให้ผู้เสียหายได้เงินคืนเร็วที่สุด โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ด้านนายฉัตรมงคล กล่าวว่า ตนก็เป็นผู้เสียหายอีกคนหนึ่งที่ได้จ่ายเงินไปจำนวน 9,730 บาท เพื่อต้องการที่จะไปโอซาก้าเช่นเดียวกับผู้เสียหายรายอื่นๆ โดยได้รับการชักชวนว่ามีทัวร์ไปโอซาก้าในราคานี้ ตนจึงไม่มั่นใจว่าจะได้ไปจริงหรือไม่ ไม่เชื่อใจ จึงพยายามหาข้อมูลว่าไปได้จริงไหม ทั้งนี้ไม่ได้ชักชวนใครต่อสมัครไปเที่ยวเพียงคนเดียว ตอนสมัครตนตั้งใจที่จะไปทัวร์เพราะมีราคาถูก ซึ่งได้รับการชักชวนจากคุณแตง ได้มีการพูดคุยกับซินแสโชกุนเรื่องทัวร์ในครั้งนี้ ไม่ได้สนใจเรื่องแผนการตลาด และย้ำอีกว่าไม่เคยเจอซินแสโชกุน เพิ่งรู้จักก่อนเกิดเรื่องเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ต่อมาเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เปิดเผยว่า วันนี้จะมีการประชุมคดีของซินแสโชกุน ร่วมกับ 6 หน่วยงานประกอบด้วย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว(บก.ทท.) , กรมบังคับคดี , กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.), กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท. ) และตำรวจกองปราบปราม เพื่อพิจารณาความคืบหน้าคดี ติดตามทรัพย์สิน แนวทางเยียวยาผู้เสียหาย และการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวอีกว่า คดีนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วกว่า 300 คน และขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบการโอนย้ายทรัพย์สินไปให้บุคคลอื่น เบื้องต้นพบว่าถูกโอนย้ายไปบางส่วนแล้ว โดยจะดำเนินคดีกับบุคคลที่รับโอนทรัพย์สินทั้งหมด และขอเตือนผู้รับโอนว่ามีความผิดฐาน ร่วมกันฟอกเงินด้วย ดังนั้นใครรับไปให้รีบแสดงตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังซินแสโชกุนอีกหรือไม่

รายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้ศาลได้ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการของซินแสโชกุนอีก 8 คน ซึ่งเป็นญาติและคนสนิทของซินแสโชกุนที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ มทบ.11. ประกอบด้วย น.ส.ทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ อายุ 35 ปี นางมณฑญาณ์ นิรันดร หรือ จันทร์ฉาย นาคฤทธิ์ อายุ 55 ปี นายก้องศรัณย์ แสงประภา อายุ 22 ปี นางประนอม พลานุสนธิ์ อายุ 40 ปี นางณิชมน แสงประภา อายุ 64 ปี นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ ดัคกอร์ อายุ 35 ปี น.ส.สุดารัตน์ อเนกนวล อายุ 25 ปี และนายโกวิท ช่วยสัตว์ อายุ 30 ปี ซึ่งทั้งหมดทางฝ่ายทหารจะนำตัวมาส่งให้พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีในวันที่ 18 เมษายนนี้