บจ.แห่ขยายธุรกิจเข้า 'ซีแอลเอ็มวี'

บจ.แห่ขยายธุรกิจเข้า 'ซีแอลเอ็มวี'

บจ.แห่ขยายธุรกิจเข้า "ซีแอลเอ็มวี" ไลท์ติ้งแอนด์อีควิปเมนท์ ตั้งบ.ย่อยในเวียดนาม โฮมโปรเพิ่มสาขาในมาเลเซียเพิ่ม2-3แห่งปีนี้

บริษัทจดทะเบียนไทยหันขยายตลาดซีแอลเอ็มวีเพิ่ม หลังเห็นทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง ล่าสุดบอร์ดไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ เคาะแผนตั้งบริษัทย่อยในเวียดนาม 1 แห่ง ถือหุ้น 100% ขณะที่โฮมโปรฯ เล็งเปิดสาขาในศูนย์การค้า

จากการรวบรวมข้อมูลบริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมงานพบนักลงทุน (Opportunity Day) ในไตรมาส1 ปี 2560 พบว่าบริษัทจดทะเบียนส่วนมาก ให้ความสนใจรวมถึงมีแผนธุรกิจที่จะขยายสู่ตลาดซีแอลเอ็มวี เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยบริษัทที่มีแผนขยายธุรกิจในดังกลุ่มประเทศดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าอุปโภคบริโภค

บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) L&E แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึง การจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ในประเทศเวียดนาม จำนวน 1 บริษัท ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2560 ชื่อบริษัทย่อยใหม่ Lighting & Equipment (Vietnam) Co.,Ltd.ประกอบกิจการ ออกแบบ ผลิต จำหน่าย ติดตั้ง และดูแลรักษาซ่อม บำรุงผลิตภัณฑ์หลอดไฟฟ้า โคมไฟฟ้า เสาที่ใช้ติดตั้งโคมไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่างต่างๆ ระบบควบคุมไฟฟ้า รวมถึงหลอดไฟฟ้า แอลอีดี โคมไฟฟ้าแอลอีดี และชุดโซลาร์เซลล์ทุกประเภท ตลอดจนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง ทุนจดทะเบียน 250,000 ดอลลาร์ โดยบริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 100% โดยใช้เงินลงทุนจากบริษัท

นายรักพงษ์ อรุณวัฒนา ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบัญชี บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) HMPRO กล่าวว่า ในปีนี้มีแผนที่จะขยายสาขาทั้งหมด 7-10 สาขา แบ่งเป็น โฮมโปร ในกรุงเทพฯ 2-3 สาขา จากเดิมที่มีสาขาทั้งหมด 80 สาขา และเมกาโฮม 3-4 สาขา จากเดิมที่มี 11 สาขา และ โฮมโปรในประเทศมาเลเซีย 2 - 3 สาขา จากเดิมที่มี 2 สาขาโดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 6 - 7 พันล้านบาท ซึ่งจะใช้เงินลงทุนจากกระแสเงินสดร่วมกับการกู้เพิ่มเติม

โดยในปีนี้จะออกหุ้นกู้เพิ่มเติมราว 4 - 5 พันล้านบาท และมีต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 3% จากที่ขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้ราว 2 หมื่นล้านบาท และเตรียมที่จะขยายวงเงินเพิ่มเติมอีก 1 หมื่นล้านบาทเพื่อใช้รองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการขยายสาขาในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งจะเป็นการเข้าไปสร้างสาขาภายในศูนย์การค้า ซึ่งจะต้องรอความชัดเจนของศูนย์การค้าราว 1 - 2 ปีข้างหน้าก่อนจึงจะสามารถเปิดเผยขนาดของสาขาและงบลงทุนได้

บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโต 8 - 12% จากปีก่อนที่ทำได้ 6.11 หมื่นล้านบาท หลังจากที่คาดว่ากำลังซื้อในปีนี้จะฟื้นตัวดีกว่าปีก่อน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ยังค่อนข้างเติบโต แต่ยอมรับว่าในต่างจังหวัดจะต้องจับตาดูสถานการณ์ก่อน

ด้านนายวิรัช วงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) TSR กล่าวว่า การเปิดสาขาแรกในประเทศลาวได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากเนื่องจากมีคู่แข่งน้อย และผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าด้วยเงินสด นอกจากนี้ยังมีโอกาสเติบโตของตลาดอีกมากเนื่องจากราคาน้ำบรรจุขวดในประเทศลาวมีราคาค่อนข้างสูง

ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าลงทุนในประเทศอื่นๆ ภายในภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจน 1 ประเทศภายในปีนี้

นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิปปอนแพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) NPP กล่าวว่า ปีนี้ตั้งงบลงทุนเพื่อใช้ในการขยายสาขาและการตลาดไว้ที่ 150 ล้านบาท และงบทำการตลาดราว 40 - 50 ล้านบาท โดยตั้งเป้าขยายสาขา A&W ครบ 50 ภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่เปิดดำเนินการอยู่ 33 สาขา และตั้งเป้าเปิดครบ 100 สาขาภายใน 5 ปี ซึ่งจะขึ้นเป็น 1 ใน 3 ตลาดฟาสต์ฟู้ดที่มีมูลค่า 2.7 หมื่นล้านบาท

บริษัทตั้งเป้าขยายสาขา A&W ไปยังกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี อย่างน้อย 3 - 4 สาขาภายในปีนี้ โดยจะเริ่มเปิดสาขาแรกในประเทศเมียนมา ที่มีศักยภาพสูงสุด จากประชากรจำนวนมาก และกำลังซื้อสูง

โดยปีนี้ มั่นใจว่ารายได้จะเติบโตอยู่ที่ราว 50% จากธุรกิจร้านอาหารที่ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก ในขณะที่ธุรกิจแพ็คเกจจิ้งยังเติบโตได้ดี ซึ่งในปีนี้จะดันสัดส่วนรายได้จากอาหารมาอยู่ที่ราว 50-60% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอาหาร 50% และแพ็คเกจจิ้ง 50%