‘ดีวานา’ใช้แพสชั่น สร้างชื่อสปาไทยให้ก้องโลก

‘ดีวานา’ใช้แพสชั่น สร้างชื่อสปาไทยให้ก้องโลก

‘ดีวานา คือชื่อของสปาพรีเมียมสายพันธุ์ไทยนานกว่า 15 ปี ขยับไซส์เล็กสู่ผู้นำสปาครบวงจร ตั้งเป้าขึ้นแท่นท็อป 3 ของเอเชียใน 5 ปี สูตรสำเร็จที่เริ่มจากแพสชั่นขยายธุรกิจบริการที่ให้มากกว่าคำว่าพอใจ แต่ต้องประทับใจ

ในวันนี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักชื่อเสียงของ “ดีวานา สปา” (Divana Spa) ผู้นำธุรกิจสปาครบวงจรสายพันธุ์ไทย ที่อยู่ในสนามมานับ 15 ปี (ก่อตั้งเมื่อปี 2545) และยังคงมีพัฒนาการทั้งด้านสินค้าและบริการมาอย่างต่อเนื่อง 

ทว่าย้อนกลับไปในวันเริ่มต้น พวกเขายังเป็นเพียงธุรกิจเล็กๆ ที่ประเดิมด้วยห้องสปารับรองแขกเพียง 4 ห้อง กับเงินทุนตั้งต้นซึ่งเหลือติดตัวเพียงแค่ทำใบปลิวแจกจ่ายให้คนรับรู้เท่านั้น

เราได้รู้จักเบื้องหลังของสปาชื่อดังจากคำบอกเล่าของ “ตี๋-พัฒนพงศ์ รานุรักษ์” ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง ดีวานา สปา ที่ร่วมกับเพื่อนสนิททุ่มเงินนับ 5 ล้านบาท เนรมิตบ้านทรงไทยเก่าแก่ อายุ 50 ปี ใจกลางเมืองย่านอโศก จุติ สปาน้องใหม่ ซึ่งเป็นสปาแห่งแรกๆ ของเมืองไทย

ในยุคที่ในโรงแรมห้าดาว หรือในกรุงเทพยังไม่มีบริการสปาด้วยซ้ำ จึงนับเป็นผู้เปิดตลาดคำว่า “หัตเวช” หรือสปาบำบัดด้วย รูป รส กลิ่น เสียง เจ้าแรกๆ ของเมืองไทย

“ไอเดียธุรกิจนี้ เริ่มต้นจากความคิดที่อยากทำอะไรซึ่งเกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทว่าจะเปิดโรงแรมเงินก็ไม่พอ จะทำสินค้าที่ต่างชาตินิยมอย่างกล้วยไม้ หรือมะม่วงก็มีเจ้าตลาดทำอยู่แล้ว บังเอิญว่าเพื่อนผมมีบ้านอยู่แถวสุขุมวิท เห็นแล้วชอบมาก เลยเริ่มธุรกิจสปาขึ้นที่นั่น”

ธุรกิจสปาไม่ได้เป็นธุรกิจแรกของคนหนุ่ม นับรวมแล้วในตอนนั้นถือเป็นธุรกิจที่ 5 ของเขาด้วยซ้ำ อดีตสจ๊วตหนุ่มที่เคยถูกเลย์ออฟจากงานสายการบิน ในช่วงโศกนาฎกรรมเหตุการณ์ 11 กันยายน 2544 (ไนน์วันวัน) ที่กรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา และผ่านการต่อสู้มาสารพัด แม้แต่เมื่อวันที่ สปาน้องใหม่ดีวานา เตรียมเปิดในอีกไม่กี่วัน ก็ยังมีเพื่อนผู้มากประสบการณ์ด้านธุรกิจชาวสวิสเซอร์แลนด์มาคอมเมนต์ว่า ธุรกิจนี้ “ไม่น่าจะไปรอด” เพราะไซส์และความฝันที่คิดทำนั้นใหญ่เกินตัวเขา

"เรามีแพสชั่น อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากเซ็ตองค์กรขึ้นมาด้วยตัวเอง และอยากเห็นแบรนด์ของคนไทยไปปักธงอยู่ทั่วโลก เหมือนที่เราเองชอบไปถ่ายรูปกับแบรนด์ต่างๆ ในต่างประเทศ” 

คนหนุ่มบอกความฝันของเขาในตอนนั้น ซึ่งแม้จะหวาดหวั่นกับคอมเมนต์จากเพื่อนอยู่บ้าง แต่ยังมีใจและแรงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเดินหน้าธุรกิจนี้ต่อไป เขาจึงบอกตัวเองแค่ว่า จะไม่ยอมแพ้ และพร้อมทำฝันให้เป็นจริงให้ได้

“สูตรธุรกิจของผม มีแค่คำเดียวดังที่อาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกไว้ คือ การทำให้ลูกค้าพึงพอใจไม่พอ แต่เราต้องทำให้เขาประทับใจด้วย”

เขาบอกแนวคิดตั้งต้น ที่ตรงกับทักษะและประสบการณ์จากเคยเป็นพนักงานต้อนรับบนสายการบิน Swiss Airlines ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องบริการอันเป็นเลิศ และเน้นสัดส่วนของลูกค้าชั้นธุรกิจ กับเฟิร์สคลาสมากกว่าสายการบินอื่น

การเริ่มต้นในยุคที่คำว่า สปา หรือ หัตถเวช แทบจะไม่มีในเมืองไทย ทำให้กลุ่มโรงแรมระดับ 5 ดาว พร้อมใจส่งลูกค้าเข้ามาใช้บริการสปาของพวกเขา เพื่อสัมผัสการปรนนิบัติจากสปาระดับพรีเมียมจัดเต็มทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส จนก่อเกิดเป็นความประทับใจ และการบอกปากต่อปาก สร้างความรู้จักของพวกเขาให้ขยายวงกว้างขึ้น

เมื่อแบรนด์ดีวานาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น พวกเขาจึงขยายร้านไปยังสถานที่แห่งใหม่ โดยยังคงเน้นเป็นบ้านเก่า อย่างบ้านอายุนับ 80 ปี ที่นานา และบ้านเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ที่สีลม ซึ่งนี่คือความพิเศษสุดที่ครองใจลูกค้าต่างชาตินับ 80% เพราะเหมือนพวกเขาสัมผัสได้ถึงความขลัง ความคลาสสิก ของภูมิปัญญาไทยอย่างแท้จริง

ดีวานา ไม่ใช่แค่สปา ทว่าเป็นการผสมผสานภูมิปัญญาการนวดอย่างไทย แพทย์แผนไทยผสมศาสตร์ตะวันออก พวกเขาเรียกว่าเป็น “นวัตกรรมธรรมชาติบำบัด” (Innovation) ที่หลอมรวมสัมผัสทั้ง 7 คือ รูป รส กลิ่น เสียง จิตวิญญาณและจินตนาการ จึงไม่ได้สนองเพียงความพึงพอใจแค่ร่างกายเท่านั้น ทว่ายังเข้าไปถึงจิตวิญญาณของลูกค้าด้วย

หนึ่งหัวใจของธุรกิจ คือการมีระบบที่เข้มแข็งและชัดเจน ไม่เพียงเรื่องของบริการสปา ทว่ายังรวมถึงตั้งแต่ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหลังการนวด จนถึงการให้ลูกค้าประเมินความพึงพอใจเป็นรายบุคคล แทนการดูยอดขายเพียงอย่างเดียว เพราะเชื่อว่า ถ้าลูกค้าพึงพอใจก็ย่อมย้อนกลับมาเป็นยอดขายและกำไรได้เอง

“วิธีการทำงานที่สายการบินนั้นมีวัฒนธรรมการบริการที่พิเศษและละเอียดลออมาก อย่างการเก็บกระเป๋า แม้กระทั่งหั่นมะนาว ซึ่งผมก็เอามาใช้กับดีวานา โดยเราให้ความสำคัญกับทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ทุกอย่าง รวมถึงระบบการเทรนนิ่ง ตั้งแต่ ดับเพลิง ยันการบริการ จนถึงวันนี้เราเทรนใครก็ได้ ไม่ว่าคนขับมอเตอร์ไซต์ หรือแม่บ้าน ขอเพียงแค่ให้เขามีทัศนคติที่ดี และมีใจบริการเท่านั้น”

จากระบบการเทรนนิ่งอย่างมีมาตรฐาน นำมาสู่แนวคิดการเปิด “อคาเดมี สปา” เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศ รวมถึงส่งต่อองค์ความรู้ด้านสปา ศาสตร์การบริหารจัดการเฉพาะของดีวานา ให้กับธุรกิจอื่นๆ ได้ถอดบทเรียนความสำเร็จ ไปต่อยอดธุรกิจของตัวเองได้

ปัจจุบันดีวานา สปา มีอยู่ 5 สาขา และคลินิกอีก 2 สาขา และยังขยายมาสู่ “แบรนด์ดีไอไอ” ผลิตภัณฑ์สปา ซึ่งปัจจุบันมีเอาท์เล็ทกระจายสินค้านับ 30 แห่ง และส่งออกไป 5 ประเทศ ทั้ง จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน และเวียดนาม ทั้งกำลังขยายไปสู่ยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมถึงอยู่ในขั้นตอนยกร้านสปา ซิกเนเจอร์แบบไทยๆ ไปเปิดสาขาในต่างประเทศด้วย โดยในปีนี้มีแผนขยายตลาดไปยังภูมิภาคเอเชียเพิ่มมากขึ้น และวางเป้าหมายในปี 2565 หรือ 5 ปี ข้างหน้า ว่าจะนำมาดีวานา ไปสู่ระดับท็อป 3 ของเอเชียให้ได้ ขณะที่ยอดขายในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 200 ล้านบาท โดยในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตอยู่ที่ 50%

สิ่งที่ผลักดันและขับเคลื่อนให้ธุรกิจจากความฝันมาถึงวันนี้ได้ คือ ความรักและหลงใหล ความปรารถนาอย่างแรงกล้าในธุรกิจสปา จนทำให้ประสบความสำเร็จขึ้นมาได้

แม้แต่เพื่อนต่างชาติที่เคยปรามาสไว้ว่า พวกเขาจะไปไม่รอด ก็ยังมาใช้บริการดีวานา สปา และซูฮกให้กับความสามารถของเขาคนนี้

“สิ่งที่เราทำนั้นเริ่มต้นจากแพสชั่น และแค่ทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน ซึ่งผลลัพธ์คือ ความสำเร็จ ก็จะตามมาเอง”

เขาทิ้งท้ายไว้เช่นนั้น

...........................................

Key to success สูตรลับฉบับ ดีวานา สปา

๐ ขับเคลื่อนความรักให้เป็นอาชีพ

๐ สร้างความแตกต่างให้บริการด้วยสัมผัสทั้ง 7

๐ ใช้ประสบการณ์งานสายการบิน ให้บริการที่เป็นเลิศ

๐ จัดระบบเทรนนิ่งอย่างมีมาตรฐาน คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ

๐ พัฒนาตัวเองไม่หยุดนิ่ง ทั้งสินค้าและบริการ

๐ ให้มากกว่าความพึงพอใจ แต่ต้องสร้างความประทับใจ