บิ๊กอสังหาฯมองบวกไตรมาส2ตลาดเริ่มฟื้น

บิ๊กอสังหาฯมองบวกไตรมาส2ตลาดเริ่มฟื้น

ลุ้นกันว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน “ไตรมาสสอง” จะส่งสัญญาณฟื้นตัวหรือไม่ ผ่านคำบอกเล่าของ “3 บิ๊กอสังหาฯ” เมืองไทย “พฤกษา-เอพี ไทยแลนด์-แสนสิริ” ต่างมองบวก

โดยระบุว่า เริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก จากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ -อัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับต่ำ สร้างแรงจูงใจในการซื้ออสังหาฯ ทำให้ยังคงเดินหน้าเปิดโครงการในไตรมาสสอง หลังชะลอเปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา 

ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าว่า เท่าที่ประเมินยังไม่เห็นปัจจัยลบในตลาดช่วงไตรมาส2มากนัก โดยยังมองว่าหลายสิ่งยังจูงใจและช่วยหนุนตลาด เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำก็จูงใจคนซื้อที่อยู่อาศัย ส่วนราคาวัสดุก่อสร้างก็ยังไม่มีปัจจัยน่ากังวลมากนัก เนื่องจากระดับราคาค่อนข้างคงที่มา1-2ปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า การแข่งขันของตลาดอสังหาฯในช่วงไตรมาส2จะยังดุเดือดทั้งแนวราบและแนวสูง โดยเฉพาะการแข่งขันจากผู้ประกอบการรายใหญ่ด้วยกันที่เข้ามารุกตลาดอสังหาฯในทุกเซกเมนต์ เช่น รายที่เคยทำโครงการเจาะตลาดกลาง -บน ก็เริ่มขยับตัวมาทำตลาดกลาง -ล่างมากขึ้น หรือรายที่เคยทำแต่โครงการกลาง-ล่าง ก็ขยับตัวเองมาทำสินค้าตลาดกลาง-บนมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงในแต่ละตลาด

ด้าน อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า แม้ว่าอสังหาฯในไตรมาสแรกจะทรงตัว ตามสภาพเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าตลาดจะเริ่มกลับมาคึกคักหลังจากผ่านพ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์

อย่างไรก็ตาม มองว่า ตลาดคอนโดมิเนียมเซกเมนท์ระดับล่างมองยังคงเหนื่อยกับการผลักดันสต็อกเหลือขาย ส่วนตลาดคอนโดระดับกลางถึงไฮเอนด์มองว่าไม่น่ากังวลเพราะยังมีความต้องการอยู่ แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของการหาที่ดินมาพัฒนา จะช่วยกรองผู้เล่นในตลาดให้เหลือน้อยลง ท้ายที่สุดก็จะเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่ๆแข่งขันกันเอง 

ส่วนตลาดแนวราบมองว่านักพัฒนาอสังหาฯวิ่งหาซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการแนวราบทดแทนคอนโดมากขึ้น 

"ดังนั้นจากวันนี้ไปแนวราบจะแข่งขันกันมากขึ้นกว่าเดิม” อนุพงษ์ เชื่อเช่นนั้น 

ทั้งนี้ในไตรมาส2 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการแนวสูงจำนวน4โครงการ มูลค่ารวมกว่า15,650ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโด 2 โครงการ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,650 ล้านบาท รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกกว่า 60 ทำเล ซึ่งคาดว่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ส่วนกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม เตรียมเปิด15โครงการ มูลค่ารวม15,000ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว8โครงการ มูลค่า8,000ล้านบาท และสินค้ากลุ่มทาวน์โฮม7โครงการ มูลค่า7,000ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายในส่วนโครงการแนวราบไว้ที่13,600ล้านบาท

ขณะที่ เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ กล่าวถึงทิศทางอสังหาฯในช่วงไตรมาส 2 ว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจ รวมถึงการใช้จ่ายภายในประเทศ และภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ตลอดจนการผลักดันโครงการลงทุนด้านสาธารณูปโภคต่างๆที่คาดว่าจะชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ มองว่าภาคอสังหาฯ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญที่จะเข้ามามีบทบาทช่วยกันขับเคลื่อนตลาดนี้มากขึ้น ผ่านการดำเนินแผนงานและเปิดตัวโครงการใหม่ๆ

สำหรับไตรมาส2 แสนสิริ วางแผนการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 12,600ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโด ภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส 2 โครงการ และบ้านเดี่ยว 2 โครงการ คือ โครงการบุราสิริ วัชรพล และ โครงการคณาสิริ ปิ่นเกล้า-กาญจนา ทั้งยังตั้งเป้ายอดขายไตรมาส 2 อยู่ที่ 10,000ล้านบาท หรือเติบโตราว 40% จากยอดขายไตรมาสแรกที่ทำไว้ 7,000ล้านบาท

ส่วนยอดขายในไตรมาสแรกนับว่าเกินจากเป้าหมายที่วางไว้ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการสร้างยอดขายหลักจากตลาดต่างชาติ ล่าสุด เดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริ และบีทีเอส กรุ๊ป จำนวน  981 ยูนิต มูลค่า5,800ล้านบาท เปิดGlobal Launchเต็มรูปแบบใน 4 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน ส่งผลให้มีลูกค้าสนใจเข้าร่วมงานโรดโชว์ จนบริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมจากตลาดต่างชาติในช่วงไตรมาสแรกได้1,700ล้านบาท