ADVANC - ถือ

ADVANC - ถือ

รายได้บริการส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง

ประเด็นการลงทุน

ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่เห็นอัตราการเติบโตของกำไร YoY จนกว่าจะถึงครึ่งหลังของปี 2560 เนื่องจากค่าใช้จ่ายจำ นวนมากที่ยังคงกดดันผลประกอบการ แต่เราก็เห็นพัฒนาการเชิงบวกอื่นๆ ที่ชัดเจนมากขึ้นของ ADVANC ถึงแม้ว่าการแข่งขันของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่จะยังคงรุนแรงต่อเนื่อง แต่อัตราการเติบโตของรายได้บริการของ ADVANC กลับมาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงต้นทุนอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ที่ลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 คาดว่าจะลดลงต่อเนื่องไปอีกในปี 2560 นอกจากนี้ส่วนแบ่งรายได้บริการของ ADVANC ถ้าเทียบกับทั้งอุตสาหกรรมพลิกกลับมาเพิ่มขึ้นจากการทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” เพื่อรอรับผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 4% ในปี 2560

ส่องกล้องไตรมาส 1/60—ยังคงถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 ที่ 6.32 พันล้านบาท ลดลง 22% YoY และ 2% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ ซึ่งได้แก่ รายการอัตราแลกเปลี่ยน และผลประโยชน์ทางภาษีจากสินทรัพย์ถาวรบางรายการ สำหรับในไตรมาส 1/60 เราคาดกำไรหลักที่ 6.1 พันล้านบาท ลดลง 31% YoY แต่เพิ่มขึ้น 8% QoQ กำไรหลักที่ยังคงลดลง YoY เนื่องจากการรับรู้
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ซ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับดีลพันธมิตรของทีโอที และภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ซึ่งน่าจะกลบรายได้บริการที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งและค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ลดลงเนื่องจากเงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ที่ลดลง ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นซึ่งฉุดกำไรไตรมาส 1/60 ได้แก่ ค่าตัดจำหน่ายค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ซจำนวน 1.2 พันล้านบาทต่อไตรมาส และต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายรอตัดบัญชี (500 ล้านบาทต่อไตรมาส) ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนก.ค.2559 ค่าเช่าเสาสัญญาณและอุปกรณ์ของทีโอที (1.4 ล้านบาทต่อไตรมาส) และค่าใช้จ่ายจากการเข้าใช้คลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรซของทีโอที (975 ล้านบาทต่อไตรมาส) ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนต.ค.2559


รายได้บริการที่ปรับตัวดีขึ้นและต้นทุนอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ที่ลดลง

รายได้บริการที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง และต้นทุนเงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ที่ลดลงจะนำไปสู่กำไรหลักที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ เราประมาณการรายได้บริการ (ที่ไม่รวมไอซี) เติบโต 5.5% YoY และ 0.5% QoQ สำหรับในไตรมาส 1/60 ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้น YoY ติดต่อกันสามไตรมาส รายได้บริการที่ปรับตัวดีขึ้นเกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ซ
ในไตรมาส 2/59 และการทำตลาดที่เป็นไปในเชิงรุกมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/59 เราคาดผลขาดทุนขั้นต้นของรายได้จากการขายที่ลดลง QoQ เนื่องจากการให้ส่วนลดปกติสำหรับค่าเครื่องโทรศัพท์ที่ลดลง ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดมีแนวโน้มลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากเงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์ที่ลดลงสำหรับลูกค้าพรีเพด การเลือกให้เงินอุดหนุนลูกค้า
โพสต์เพดเฉพาะราย และไม่มีการแจกเครื่องโทรศัพท์ฟรีให้กับลูกค้า 2 จี เรายังคงสมมติฐานต้นทุนเงินอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์รวมถึงการให้ส่วนลดค่าเครื่องรวมกัน 7 พันล้านบาท สำหรับในปี 2560 แต่บริษัทตั้งเป้าต่ำกว่า 5 พันล้านบาทภายในปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นอัพไซต์ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ของเรา

อัตราการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นสำหรับธุรกิจอินเตอร์เน็ตประจำที่ในปี 2560

หลังจากที่บริษัทบรรลุเป้าความครอบคลุมของธุรกิจอินเตอร์เน็ตประจำที่ครบ 5.2 ล้านครัวเรือนใน 28 จังหวัด ณ สิ้นปี 2559 บริษัทจะหันมาเน้นการเพิ่มอัตราการใช้งานในพื้นที่ครอบคลุม ณ ปัจจุบัน ให้เพิ่มขึ้น การขยายไปสู่พื้นที่การให้บริการใหม่จะเป็นไปในลักษณะที่เลือกเฉพาะเจาะจงมากขึ้นในปี 2560 เราประเมินว่าอัตราการใช้บริการจะต้องเพิ่มขึ้นสูงกว่า 50% สำหรับในแต่ละพื้นที่การให้บริการ เพื่อที่จะให้ EBITDA ของธุรกิจอินเตอร์เน็ตประจำที่ถึงจุดคุ้มทุน


มีความมุ่งมั่นน้อยต่อการอยากได้ครอบครองคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซของทีโอที

เราเชื่อว่าด้วยคลื่นความถี่ต่ำและคลื่นความถี่สูงที่มีอยู่ในมือ ณ ปัจจุบันจะส่งผลให้ทั้ง ADVANC และทรูโมบายมีความกระตือรือร้นน้อยกว่า DTAC สำหรับความต้องการที่จะชนะการได้คลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซของทีโอทีไว้ในครอบครอง ซึ่ง DTAC จะอยู่ในสถานะที่ต้องการทุกคลื่นความถี่ใหม่ ณ ปัจจุบัน ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลให้เราเชื่อว่า ADVANC น่าจะเสนอราคาสำหรับคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซของทีโอทีไม่สูงมากนักได้แก่ ระยะเวลาที่เหลืออีกเพียงแค่ 8 ปีสำหรับใบอนุญาต 2.3 กิกะเฮิร์ซของทีโอทีที่จะหมดอายุลงในปี 2568 ผู้ประกอบการเอกชนจะต้องภาระงบลงทุนในการลงโครงข่าย 2.3 กิกะเฮิร์ซให้กับทีโอที และจำนวนเครื่องโทรศัพท์ที่มีอยู่อย่างจำกัด ณ ปัจจุบันที่จะรองรับคลื่นความถี่ดังกล่าว เรามองว่าข้อจำกัดสำหรับอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ที่ไม่เกิน 2 เท่าก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อความยืดหยุ่นของ ADVANC ในการเสนอราคาคลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิร์ซต่อทีโอทีเช่นกัน