Daily Market Outlook (7 เม.ย.60)

Daily Market Outlook (7 เม.ย.60)

ระวังก่อนประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐ-จีน และตัวเลขว่าจ้างงานสหรัฐ

คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดวันนี้ก่อนการประชุมผู้นำสหรัฐและจีน และการประกาศตัวเลขการว่าจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐคืนนี้ หุ้นโลกน่าจะถูกกดดันจากสัญญาณล่าสุดจาก Federal Reserve ที่อาจจะเริ่มลดขนาดงบดุลปลายปีนี้เร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาด ภายในประเทศ ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงลงพระปรมาภิไธยรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 ส่งสัญญาณเลือกตั้งในปี 2561 พรบ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช. ถ้าผ่านการอนุมัติเท่ากับว่าทุกรัฐบาลไทยจะต้องดำเนินโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเป็นตัวนำการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยนับจากนี้

หุ้นเด่นวันนี้: TASCO (ราคาปิด 26.25 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 33.00 บาท)

เราคาดว่า TASCO จะมีกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1/60 ที่เกือบ 1.5 พันล้านบาทซึ่งเป็นสถิติกำไรรายไตรมาสที่สูงเป็นประวัติการณ์เป็นผลมาจากดีมานด์ยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นในปีนี้และปีหน้าเนื่องจากการใช้ภาครัฐของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ สำหรับการสร้างและการซ่อมแซมถนน โดยเฉพาะประเทศจีนเวียดนามและอินโดนีเซีย ยอดขายของ TASCO มีสัดส่วน25%: 75% สำหรับตลาดในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ปีนี้ TASCO รับออร์เดอร์จากต่างประเทศล่วงหน้าในราคาที่สูงจนการผลิตเต็มถึงสิ้นไตรมาส 2/60 แล้ว อุตสาหกรรมยางมะตอยมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบไม่ผันผวนมาในระดับ 50 เหรียญต่อบาร์เรลซึ่งเป็นผลดีต่อต้นทุนการผลิตของ TASCO (เพราะ 80% ของต้นทุนวัตถุดิบเป็นน้ำมัน) แม้มีข่าวเชิงลบมากระทบว่า ยางมะตอยในประเทศอาจถูกควบคุมราคา ไม่ให้ปรับขึ้น เรามองว่าส่งผลกระทบที่น้อยมากต่อ TASCO เนื่องจากยางมะตอยที่ TASCO ขายมีราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ราคาสูงเนื่องจากเป็นสินค้าที่มีสเปคคุณภาพสูง เราเชื่อว่าข่าวดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อ TASCO ในระยะสั้น เรายังคงให้ราคาเป้าหมายที่ 33.00 บาทซึ่งอิงกับ PER เฉลี่ยที่ PER 13.5 เท่าของอุตสาหกรรมก่อสร้างในภูมิภาค ราคาหุ้นปัจจุบันมี upside 26% เราคาดว่า TASCO จะมีกำไรเติบโต 17% YoYและ 13% YoYในปี 2560 และ 2561 ตามลำดับกำไรรายปีอาจถูกปรับเพิ่มขึ้นหากแนวโน้มธุรกิจสดใสต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 Price Pattern ของ TASCO ยังมีความแข็งแกร่งในระยะกลางจากการเกิด Weekly Buy Signal แต่ในระยะสั้นยังต้องรอให้กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่เสียก่อน โดยหากปิดตลาดที่ 26.50 บาทได้เป็นอย่างน้อยจะทำให้ Price Pattern ของ TASCO กลับมาเกิดความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะกลางจากกการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal โดยมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 29.50 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 32.75 บาท ตามลำดับ (Resistance: 26.50, 26.75, 27.25; Support: 26.00, 25.50, 25.25)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมวานนี้ นับเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 ของประเทศไทย ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นนับหนึ่งไปสู่การเลือกตั้งที่คาดว่าจะจัดขึ้นได้ปลายปี 61 เป็นอย่างช้า (Bangkok Post)

• ไฟเขียวอู่ตะเภาเป็นเมืองการบินภาคตะวันออกคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) อนุมัติให้ใช้พื้นที่ 6,500 ไร่รอบสนามบินอู่ตะเภาเพื่อพัฒนาเป็นเขตส่งเสริมการลงทุนพิเศษด้านการบิน ครอบคลุมธุรกิจที่เกี่ยวกับอากาศยาน อู่เครื่องบินและคลังสินค้า รวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุง และคณะกรรมการยังได้เห็นชอบงบลงทุน 8 พัน ลบ. เพื่อสร้างทางวิ่งอีก 1 ทางซึ่งคาดว่าจะเปิดให้เครื่องบินวิ่งได้ใน 3 ปี ขณะเดียวกันยังอนุญาตให้มีการร่วมทุนรัฐ-เอกชนสำหรับการเพิ่มความจุผู้โดยสารของสนามบินให้เป็น 15 ล้านรายจาก 3 ล้านรายภายใน 5 ปี (Bangkok Post)

• EEC คืบหน้า การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยภาพรวมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ต.ค.59-ก.พ.60) ล่าสุดมียอดขายพื้นที่แล้ว 1,476 ไร่ คิดเป็น 49% ของเป้าหมายพื้นที่รวมที่ กนอ.ตั้งเป้าไว้ทั้งปีงบประมาณที่ 3,000 ไร่ โดยมั่นใจว่าทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ยอดขายพื้นที่ 5 เดือนแรกของปีงบฯ พบว่า 80-90% หรือราว 1,420 ไร่ของพื้นที่เป็นการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นส่วนใหญ่ โดยอันดับแรกที่ลงทุนมากสุดคือโลจิสติกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน (Bangkok Post)

• TASCO (26.25 บาท); คณะกรรมการบริษัท ฯ มีมติให้เปลี่ยนแปลงนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท ฯ จากการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 60% ของกำไรสุทธิประจำปีของบริษัท ฯ เป็นจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 60% ของกำไรสุทธิประจำปีของงบการเงินรวม (SET) ความเห็น: เราคาดว่าจะมีผลให้เงินปันผลปี 2560 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ เพราะหลังจากที่บริษัทจ่ายเงินปันผลสำหรับ FY16 เท่ากับ 0.90 บาท เราเชื่อว่า TASCO จะสามารถจ่ายเงินปันผลสำหรับผลงานประจำปี 2560 ได้เท่ากับ 1.40 บาท/หุ้นหรือเท่ากับผลตอบแทนปันผล 5% ในปี 2560 เราแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 33 บาท

• TCAP (ราคาปิด 48.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายของ AWS ปี 60 55.00 บาท) นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ รองประธานกรรมการ กล่าวว่าธนาคารโนวาสโกเทีย (Scotiabank) ยังมีนโยบายในการถือหุ้นธนาคารธนชาตในระยะยาวต่อไปที่สัดส่วนปัจจุบันที่ 49% นั่นหมายความว่า Scotiabank ได้ยกเลิกแผนที่จะออกจากตลาดไทย (Bangkok Post)ความเห็น: เรามองว่านั่นเป็นเพราะธนาคารธนชาตมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของกำไรและคุณภาพสินทรัพย์

• TTCL (18.00 บาท) ลงนาม MOU กับกระทรวงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมแห่งเมียนมาร์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนจากถ่านหินแบบ Ultra Super Critical (USC) ขนาด 1,280MW ในรัฐ Kayinประเทศเมียนมาร์ ภายในระยะเวลา 30 เดือน (SET)ความเห็น: โครงการนี้เป็นโครงการใหม่ที่ทำการเซ็นต์ MOU กับรัฐบาลปัจจุบันในขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนจากถ่านหินแบบ USC ขนาด 1,280MW ในรัฐมอญ ซึ่ง TTCL ได้รับ MOU และ MOA แต่ยังรอ PPA และคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินการสร้างจากรัฐบาลเมียนมาร์ ก็ยัง Overhang อยู่ อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวคาดส่งผลบวกเชิง Sentiment ให้กับ TTCL แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐาน โดยเราคาดว่ารายได้และกำไรสุทธิจากธุรกิจ EPC จะชะลอตัวในปีนี้เราอาจปรับลดกำไรปี 2560 ลง 33% มาอยู่ที่กำไรในระดับเดียวกับปี 2559 ที่ 400 ล้านบาท แม้ว่าจะไม่มีการขยายตัวของกำไร ในปี 2560 แต่เราคาดว่าแนวโน้มธุรกิจในประเทศเมียนมาร์จะดีขึ้นหลังจากที่บริษัทได้เซ็นต์ MOU โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ 2 แห่งของประเทศเมียนมาร์แล้ว ปัจจุบันการขาดแคลนไฟฟ้าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเมียนมาร์ ราคาเป้าหมายของเราอาจจะปรับลดลงจาก 28 บาท/หุ้น

ต่างประเทศ:

• เฟดเริ่มผ่อนคลาย QE รายงานการประชุมเฟดครั้งล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่มองว่าเฟดควรจะเริ่มปรับลดงบดุลบัญชีลงจากระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ งบดุลของเฟดเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงินซึ่งน้อยกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหลังจากมีการใช้มาตรการ QE 3 ครั้ง รายงานของเฟดสาขานิวยอร์กระบุว่าเฟดกำหนดงบดุลใหม่ที่ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐและมีกำหนดจะบรรลุเป้าดังกล่าวภายในสิ้นปี 2021 (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันพฤหัส จากความไม่แน่นอนก่อนรายงานการจ้างงานที่จะประกาศในวันศุกร์นี้และการประชุมระหว่างจีนกับสหรัฐ และมีสัญญาณว่าเฟดเริ่มปรับลดขนาดงบดุลบัญชีในปีนี้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 2.343% จากที่ระดับ 2.357% เมื่อวันพุธ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีลดลงสู่ระดับ 2.990% จากที่ระดับ 3.005% เมื่อวันพุธ (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อวันพฤหัส โดยปรับตัวขึ้นก่อนการประชุมระดับผู้นำระหว่างสหรัฐ-จีน เป็นเวลา 2 วัน ซึ่งอาจก่อให้ความยุ่งยากทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตามมา และการประกาศตัวเลขการจ้างงานในวันศุกร์นี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดบวก 0.1% อยู่ที่ระดับ 100.69 ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 0.1% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 110.80 เยน (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อวันพฤหัส เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการเจรจาระหว่างนายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนและนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ผู้นำทั้งสองได้พบปะกันที่ที่พักของทรัมป์ในรัฐฟลอริดา ในช่วงบ่ายวันพฤหัส โดยจะเริ่มการประชุมรวมทั้งรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันในวันศุกร์นี้ (Reuters)

• ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงมาที่สุดในรอบเกือบ 2 ปีชี้ว่าตลาดแรงงานตึงตัวต่อ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 25,000 ราย สู่ระดับ 234,000 รายเมื่อสัปดาห์ก่อนและอยู่ต่ำกว่าที่ระดับ 300,000 รายซึ่งแสดงว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง ติดต่อกัน 109 สัปดาห์ ซึ่งยาวนานที่สุดนับแต่ค.ศ. 1970 ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงสู่ระดับ 250,000 รายในสัปดาห์ก่อน (Reuters)

• ที่ปรึกษา Trump หนุนกฎหมายแยกส่วนธนาคารGary Cohn ที่ปรึกษาเศรษฐกิจแห่งทำเนียบขาวกล่าวว่าเขาและสมาชิกพรรครีพับรีกันหนุนการปัดฝุ่นกฎหมาย Glass-Steagall กฎหมายในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำซึ่งจะปฏิรูปธนาคารสหรัฐโดยแยกในส่วนของธุรกิจให้สินเชื่อผู้บริโภคออกจากธุรกิจลงทุน

• สหรัฐฯ จะมีทัศนคติที่ดีต่อจีน Rex Tillersonรัฐมนตรีสหรัฐฯให้ความเห็นต่อการหารือพูดคุยกันระหว่าง Donald Trump และสี จิ้นผิงของจีนว่าสหรัฐฯ พร้อมที่จะทำการตกลงพูดคุยกับจีนซึ่งจะให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจและคนอเมริกัน บนการพูดคุยอย่างเปิดเผย (Reuters)

• ADP: ภาคเอกชนสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. สูงกว่าตัวเลขในเดือนก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 187,000 ตำแหน่ง จากรายงานการจ้างงานภาคเอกชนของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่วนการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. จากผลสำรวจนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ส อัตราการว่างงานคาดว่าจะยืนอยู่ที่ระดับ 4.7% (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยราคาหุ้นกลุ่มธนาคารค่อนข้างมีความผันผวนต่อคำกล่าวในเชิงผ่อนคลายทางการเงินของนาย Mario Draghiประธาน ECB (Reuters)

• คำกล่าวเชิงผ่อนคลายทางการเงินของ ECB นาย Mario Draghiประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่าธนาคารฯ จะยังคงยึดแผนการเข้าซื้อพันธบัตรและอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำไว้เช่นเดิม เพื่อรอให้เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวแข็งแกร่งมากกว่านี้ (Reuters)

เอเชีย:

• เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังหารือกันเพื่อป้องกันจีนเข้าเทคโอเวอร์ Westinghouse: รัฐบาลสหรัฐฯ และญี่ปุ่นกำลังหารือกันว่าการล้มละลายของ Westinghouse ของโตชิบา จะไม่นำไปสู่ความลับด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯที่ตกเป็นเป้าในมือจีน เวสติ้งเฮาส์ยื่นฟ้องล้มละลายเมื่อเดือนที่แล้วโดยมียอดการใช้จ่ายมากกว่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ กับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 4 เครื่องที่กำลังก่อสร้างในตะวันออกเฉียงใต้สหรัฐฯ โดยจีนมีความสนใจที่จะเข้าไปซื้อ (Reuters)

• ภาคบริการของญี่ปุ่นมีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดในช่วง 1 ปีครึ่งในเดือนมีนาคม จากดีมานด์และธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Nikkei Japan Service PMI ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือนที่ 52.9 จุดจากระดับ 51.3 ในเดือนกุมภาพันธ์ การเติบโตนี้สูงสุดในรอบ 6 เดือน นอกจากนี้ Nikkei Composite PMI ยังแข็งค่าขึ้นในเดือนมีนาคมเป็นระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือนที่ 52.9 เพิ่มขึ้นจาก 52.2 ในเดือนกุมภาพันธ์ (IHS Markit)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันดิบบวก 1% วันพฤหัส บวกติดต่อกันสี่วันติด แต่นักวิเคราะห์ยังระวังเกี่ยวกับน้ำมันในสต็อกสหรัฐที่ยังสูงเป็นประวัติการณ์ น้ำมันดิบ Brent ส่งมอบ มิ.ย. บวก 53 เซนต์ต่อบาร์เรล (+1%) ปิด 54.89 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐบวก 55 เซนต์ (+1.1%) ปิด 51.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ทองคำลบวันพฤหัส กดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าเพราะตัวเลขการว่างงานสหรัฐที่ออกมาดีและนักลงทุนบางรายขายทำกำไรหลังทองขึ้นมาสักพัก ราคาทองคำตลาดจรลบ 0.24% ปิด 1,251.76 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)