ทนเสียงด่าไม่ไหว!! ตร.แจงให้นั่งกระบะ-แคปได้แล้ว

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผบช.น. พล.ต.ต.จิรวันต์ แก้วแสงเอก ผบก.จร. พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผบก.ทล. นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมขนส่งทางบก และ นายณัทพงศ์ เชิดชู รองอธิบดีกรมขนส่งทางบก ชี้แจงการปฏิบัติงาน หลังจากมีคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่14-15/2560 เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายจราจรของรถยนต์ส่วนบุคคลและรถสาธารณะ และให้เริ่มบังคับใช้จริงจังตามคำสั่งดังกล่าววันที่ 5 เม.ย.เป็นวันแรก และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการห้ามนั่งท้ายรถกระบะและห้ามนั่งแคปรถกระบะ

พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ได้สั่งการให้ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และรัฐบาลได้ออกคำสั่งมาตรา44 ที่14-15/2559 ให้บังคับใช้กฎหมายด้านจราจร แต่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ผ่านโลกโซเชียลจำนวนมาก รัฐบาลจึงมอบให้คณะทำงานมาชี้แจงกับพี่น้องประชาชน ว่า ในกรณีที่มีคำสั่งห้ามนั่งท้ายรถรถกระบะ และห้ามนั่งแคปในรถนยต์ 2 ประตู นั้น สามารถอนุโลมได้ไปจนถึงช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ แต่ไม่ระบุช่วงเวลา ซึ่งคณะทำงานจะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้ง

พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวด้วยว่า ในกรณีที่นั่งท้ายกระบะ นั้น ห้ามประชาชนนั่งบริเวณขอบกระบะ หากเจ้าหน้าที่พบเห็นก็จะต้องมีการเตือน แต่จะไม่มีการปรับ ส่วนบริเวณภายในกระบะหรือแคป สามารถนั่งได้ตามความเหมาะสม ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ระบุว่าจะต้องนั่งกี่คน ส่วนการคาดเข็มขัดนิรภัยยังคงบังคับใช้ไปตามเดิม โดยเฉพาะรถตู้โดยสารสาธารณะ อย่างไรก็ตามวันนี้ที่มีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจับปรับสำหรับผู้ที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พบเห็นน้อยมาก แต่ยังไม่สามารถระบุตัวเลขได้ สำหรับค่าปรับที่เสียไปไปแล้วจะเอาคืนไม่ได้