กทม.ปรับแผนลดอุบัติเหตุสงกรานต์

กทม.ปรับแผนลดอุบัติเหตุสงกรานต์

กทม.ปรับแผนลดอุบัติเหตุสงกรานต์ เปิดบริการตรวจสภาพรถ 6 จุด ถนนเข้า- ออกเมือง 11-17 เม.ย.นี้ พร้อมอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ให้ปชช.สรงน้ำ

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร (รอง ผบก.จร.) และ นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ร่วมแถลงข่าวการจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2560

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่กรุงเทพฯ 9 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุมี 7 ประการ คือ ขับเร็ว เมาแล้วขับ อ่อนเพลีย ร่างกายไม่พร้อม ไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน สภาพถนนชำรุด เครื่องหมายหรือสัญญาณไฟจราจรไม่สมบูรณ์ สภาพรถไม่พร้อมใช้งาน และสาเหตุอื่นๆ อาทิ เพิ่มรอบรถบริการสาธารณะ หรือนำรถอื่นมาแอบวิ่งร่วม ซึ่งกทม.ได้ถอดบทเรียนอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา และบูรณาการแผนการป้องกันอุบัติเหตุและลดการสูญเสียชีวิตร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เป็นกรอบให้หน่วยงานในสังกัดใช้เป็นแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ โดยกำหนดมาตรการเตรียมความพร้อม ศึกษาข้อมูล สาเหตุ สถานที่เกิดเหตุในอดีตที่ผ่านมา แก้ไขปัญหาในจุดที่เกิดเหตุซ้ำซาก คืนพื้นที่ผิวจราจรที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และปรับสภาพให้ใช้งานได้ ซ่อมผิวจราจร เครื่องหมายสัญญาณจราจรให้อยู่ในสภาพดี

ทั้งนี้ จะประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนติดกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่รถ เพื่อสร้างวินัยจราจร ป้องกันอาชญากรรม และเก็บพยานหลักฐานกรณีเกิดอุบัติเหตุ พร้อมทั้งมอบหมายให้สำนักงานเขตประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมออกสำรวจจุดจอดรถตู้สาธารณะ และรถเสริม ในบริเวณโดยรอบสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) เพื่อเป็นข้อมูลตรวจสอบสภาพรถและผู้ขับขี่รถสาธารณะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นอกจากการรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญและตระหนักถึงการบาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนนแล้ว กทม.ได้ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการดื่มแล้วขับเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตลอดจนช่วยสร้างความปลอดภัยให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนด้วย

ส่วนมาตรการสร้างความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น กทม.ได้จัดบริการตรวจสภาพรถให้ประชาชนฟรีวันที่ 11 – 17 เม.ย.2560 เวลา 09.00 – 16.30 น. ที่จุดบริการถนนเข้า – ออกเมือง 6 จุด แระกอบด้วย 1.ถนนบางนา – ตราด ขาออก กม. 4+200 บริเวณปั๊มน้ำมันบางจาก เขตบางนา 2.ถนนสุวินทวงศ์ขาออก บริเวณใต้ทางยกระดับถนนสุวินทวงศ์ตัดถนนฉลองกรุง ทางเข้าสนามฟุตซอลแบงค์คอก อารีน่า เขตหนองจอก 3.ถนนวิภาวดีรังสิตขาออก บริเวณใกล้สถานีรถไฟดอนเมืองก่อนถึงทางกลับรถหน้าคลังสินค้า เขตดอนเมือง 4.ถนนพระราม 2 ขาออก บริเวณปั๊มน้ำมันเชลล์ และฝั่งขาเข้า บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. เขตบางขุนเทียน 5.ถนนเพชรเกษม ขาออก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองแขม เขตหนองแขม และ 6.ถนนบรมราชชนนี ขาออก บริเวณปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ แยกฉิมพลี และฝั่งขาเข้า บริเวณตรงข้างสำนักงานเขตทวีวัฒนา หน้าธนาคารอาคารสงเคราะห์ เขตทวีวัฒนา รวมถึงตรวจสภาพคนขับรถตู้สาธารณะตลอดจนวงรอบในการขับ

ผู้ว่าฯกทม. กล่าวด้วยว่า เนื่องจากปีนี้อยู่ในช่วงของการแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ จึงขอความร่วมมือประชาชนงดจัดงานบันเทิงต่างๆ และเล่นน้ำสงกรานต์ตามแบบวิถีไทย อยู่ในกรอบประเพณี และยึดหลัก 5 ป. คือ ปลอดปืนฉีดน้ำขนาดใหญ่ ปลอดแอลกอฮอล์ ปลอดโป๊ ปลอดแป้ง และประหยัดน้ำ รวมถึงไม่ฉวยโอกาสลวนลามผู้อื่นจากการเล่นสงกรานต์ด้วย ซึ่งกรุงเทพมหานครได้กำหนดพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดภัยไว้ทั้ง 50 เขต โดยเฉพาะบริเวณถนนข้าวสารและสีลมที่ประชาชนนิยมมาเล่นน้ำสงกรานต์ จะเปิดให้เล่นน้ำสงกรานต์ในวันที่ 13 – 15 เม.ย.2560 เวลา 12.00 – 22.00 น.เท่านั้น ส่วนผู้ที่จะต้องขับรถเดินทางไปต่างจังหวัด ขอให้ขับรถอย่างมีสติ ระมัดระวัง ดื่มไม่ขับ เมาไม่ขับ และง่วงไม่ขับ เพื่อความปลอดภัยและช่วยลดอุบัติเหตุ

"ในวันที่ 12 เม.ย.2560 เวลา 08.00 น. กรุงเทพมหานครจะมีพิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ออกจากพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เขตพระนคร มาประดิษฐานบนมณฑป ที่บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. โดยขบวนอัญเชิญพระฯ จะหยุดให้ประชาชนสักการะและสรงน้ำพระฯ จำนวน 3 จุด ได้แก่ 1.บริเวณวงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี เวลาประมาณ 10.00 น. 2.บริเวณสวนสันติชัยปราการ เขตพระนคร เวลาประมาณ 13.00 น. และ 3.บริเวณวัดชนะสงคราม เขตพระนคร เวลาประมาณ 15.00 น. จากนั้นเวลา 16.00 น. อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ขึ้นประดิษฐานบนมณฑป ณ ลานคนเมือง เพื่อให้ประชาชนสรงน้ำและสักการบูชา ไปจนถึงวันที่ 15 เม.ย.2560 แล้วอัญเชิญกลับไปประดิษฐานที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เขตพระนคร ตามเดิม"ผู้ว่าฯกทม. กล่าว