ภาคธุรกิจชี้ประกาศใช้รธน.ช่วยฟื้นความเชื่อมั่น

ภาคธุรกิจชี้ประกาศใช้รธน.ช่วยฟื้นความเชื่อมั่น

ภาคธุรกิจชี้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ส่งผลดีความเชื่อมั่น ทิศทางการเมืองชัดเจนตามโรดแมพ ลดความกังวลเรื่องความไม่แน่นอน จับตากระบวนการออกกฎหมายลูก

หลังจากสำนักพระราชวังเผยแพร่หมายกำหนดการพระราชพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ทิศทางการเมืองมีความชัดเจนขึ้นจากนี้ไปและลดความกังวลของภาคธุรกิจต่อการเมืองไทย

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าการประกาศใช้รัฐธรรมนูญจะสร้างความมั่นใจให้กับประเทศไทยมากขึ้น เพราะเป็นการยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินหน้าตามโรดแมพที่วางไว้และอยู่ในกรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้

“การประกาศใช้รัฐธรรมนูญนั้น จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น และการดำเนินการของรัฐบาลเป็นไปตามโรดแมพที่วางไว้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาลงทุน”

ทั้งนี้ ภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดหุ้นไทย นับจากต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติซื้อสุทธิ 7.5พันล้านบาท แม้ว่าทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐจะเป็นขาขึ้น แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน ระหว่างนี้กระแสเงินทุนจะต้องหาผลตอบแทนที่ดี ซึ่งตลาดหุ้นเอเชีย และไทยถือว่า เป็นจุดที่น่าสนใจ หากพิจารณาสถานการณ์การเมือง และเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวดีขึ้น จากการประมาณการนักวิเคราะห์หลายสำนักต่างมองว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวได้ดีกว่าปีก่อน

ส่วนความสามารถการทำกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้คาดว่าอัตราการเติบโตไม่สูงเท่ากับปี2559 เพราะจากฐานกำไรบริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ไม่น่าห่วง สิ่งที่ต้องติดตามคือกำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 1ปีนี้จะเป็นไปตามที่คาดหมายหรือไม่

ลุ้นเอกชนหันกลับลงทุน

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า การประกาศใช้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นไปตามที่คาดหมาย ซึ่งจะช่วยตอกย้ำว่าการบริหารประเทศของภาครัฐบาลจะเป็นไปตามโรดแมพที่ให้ไว้กับประชาชน และเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นในอีก 1 ปีหลังจากนี้ ระหว่างนี้รัฐบาลก็จะมีเวลาในการปฏิรูปประเทศ และน่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนที่ยังไม่กล้าลงทุน ให้กลับมาลงทุนอีกครั้ง

นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญใหม่ อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกกับตลาดหุ้นไทย เนื่องจากนักลงทุนได้รับทราบอยู่แล้ว ส่วนเงินทุนเคลื่อนย้ายก็จะให้น้ำหนักกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมากกว่า โดยความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในปีนี้มองว่า กรอบการเคลื่อนไหวจะไม่มากนัก ซึ่งสถานะของไทยอยู่ระหว่างการปูพื้นฐาน เพื่อสร้างการเติบโตของประเทศในระยะยาว จึงต้องใช้ความอดทน ก่อนที่จะเห็นการเติบโต

สมาคมนักวิเคราะห์คาดอีอีซีเกิดได้เร็ว

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า การบังคับใช้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นสัญญาณว่าการดำเนินการของรัฐบาลสิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้คือการร่างกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง 10 ฉบับจะมีความรวดเร็วแค่ไหน

“กระบวนการที่ต้องติดตามหลังจากนี้คือการร่างกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ ที่มี 10 มาตราจะสามารถทำได้เร็วแค่ไหนในช่วง8เดือน โดยจะมี 4 มาตราที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งหากสามารถผลักดันให้ร่างกฎหมายแล้วเสร็จโดยเร็วก็จะช่วยให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นได้เร็ว”

จากการประเมินระยะเวลาการร่างที่มีกรอบเวลา 8 เดือน เพื่อเข้ากระบวนการต่อไปทำให้คาดว่าการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นช่วงไตรมาสที่ 3 หรือปลายไตรมาสที่ 4 ของปี2561 ซึ่งยังกินเวลาค่อนข้างมาก ทำให้ในระยะสั้นน่า จะยังไม่มีผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยอย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้รัฐธรรมนูญที่เริ่มขึ้น จะช่วยกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐให้มีความรวดเร็ว ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นภาครัฐได้ขับเคลื่อนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในการจัดตั้งโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ประกอบกับมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งรถไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งกระบวนการหลังจากนี้การอนุมัติโครงการต่างๆ น่าจะมีความรวดเร็วมากขึ้นไปอีก ซึ่งอย่างน้อยเชื่อว่า รัฐบาลน่าจะสามารถเปิดประมูลโครงการลงทุนในแผนได้

การเมืองชัดเจนเดินหน้าเลือกตั้ง

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นับเป็นเรื่องที่ดี สะท้อนสถานการณ์ทุกอย่างว่าจะชัดเจนขึ้น และหลังจากนี้รัฐบาลก็ได้เดินตามโรดแมพที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นตามมาในปีหน้า

ส่วนบางประเด็นที่อาจมีคนกังวลเกี่ยวกับเนื้อหาในรัฐธรรมนูญที่อาจเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลจะกระทบต่อสถานการณ์การเมืองภายหลัง ประเด็นนี้มองว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เพราะรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวผ่านการทำประชามติมาเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่ต้องติดตามจากนี้คือการออกกฎหมายลูกต่างๆว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการมากน้อยเพียงใด

“เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญออกมาอย่างชัดเจน สถานการณ์ต่างๆ น่าจะคลี่คลายขึ้น รัฐบาลสามารถทำตามโรดแมพที่ตั้งใจ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่าตอนที่ยังไม่ประกาศใช้และสถานการณ์เศรษฐกิจ การเมืองหลังจากนี้ไปคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ธุรกิจของบริษัทยังคงเดินหน้าตามปกติ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรก็ตาม"

แจงส่งผลดีเศรษฐกิจโดยรวม

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะส่งผลให้สถานการณ์ทางการเมืองมั่นคงขึ้น เมื่อทุกอย่างชัดเจนขึ้น จะมีผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ

ทั้งนี้ หากรัฐบาลเดินตามโรดแมพที่วางไว้ มีการเลือกตั้งสิ่งที่ต้องจับตามคือ ความต่อเนื่องของการบริหารงานและนโยบายรัฐบาล การลงทุนต่างๆ ของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะเอื้อต่อการลงทุนของภาคเอกชน

ส่วนจะมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ มองว่าภาวะเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบมากกว่า โดยอสังหาฯชะลอตัวตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้เริ่มปรับตัวดีขึ้น ผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น

โบรกประเมินเลือกตั้งครึ่งหลังปี61

บล.เคที ซีมิโก้ ระบุว่า การประกาศใช้รัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ ซึ่งหลังจากนี้ กรธ.จะต้องจัดทำร่างกฎหมายลูก 10 ฉบับ ใน สนช. ภายใน 240 วัน และสนช. มีเวลาพิจารณา 60 วัน และหลังจากนั้นให้มีการจัดเลือกตั้งภายใน 150 วัน หากถ้าใช้เวลาเต็มในทุกขั้นตอน จะทำให้มีการเลือกตั้งหลังจากนี้ 15 เดือน หรือ ราวเดือน ก.ค. 2561

บล.โนมูระพัฒนสิน ระบุว่า ด้านปัจจัยในประเทศ คาดได้รับอานิสงส์บวกจากแรงเก็งหุ้นที่คาดผลประกอบการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสแรกจะฟื้นตัวดี ผสานกับ ความชัดเจนทางการเมืองที่มากยิ่งขึ้น หลังจาก จะมีพิธีประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 วันที่ 6 เม.ย.นี้ ส่งผลบวกต่อกระบวนการเลือกตั้งยังดำเนินตามแผนได้ในช่วงถัดไป กระตุ้นจิตวิทยาเชิงบวกต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในประเทศเพิ่มเติม

ภาพรวมตลาดหุ้นไทย วานนี้ (4 เม.ย.) ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัว ล่าสุดปิดตลาดที่ระดับ 1,583.82 จุด เพิ่มขึ้น 2.96 จุด เพิ่มขึ้น 0.19% มูลค่าการซื้อขายรวม 3.74 หมื่นล้านบาท

ขณะที่การซื้อขายแยกรายกลุ่มผู้ลงทุน โดยนักลงทุนต่างชาติมียอด 83.46 ล้านบาท ขณะที่ในเดือน มี.ค.ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิรวม 3.6 พันล้านบาท

ต่างชาติจับตาปัจจัยน่าห่วงหลังเลือกตั้ง

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด คาดว่า การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กลุ่มนักลงทุนต่างชาติย่อมมองว่าการเลือกตั้งกับรัฐธรรมนูญก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ต่างชาติบางกลุ่มก็ยังกังวลอยู่ว่าหลังจากเลือกตั้งแล้ว จะมีสถานการณ์ หรือปัจจัยอื่นๆที่จะเข้ามากดดันอีกหรือไม่

“นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ยังคงมองการลงทุนในไทยในแง่บวก แต่ยังมีบางส่วนที่อาจมองการเมืองไทยในแง่ลบ หรือกังวลอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นความกังวลเรื่องนักการเมือง ตลอดจนเรื่องคอร์รัปชันต่างๆ ซึ่งในตอนนี้ก็ยังคาดการณ์ทิศทางอนาคตของประเทศไทยได้ยาก และเชื่อว่านักลงทุนบางกลุ่มอาจตัดสินใจชะลอการลงทุน”