พลังงานจ.ตรังชี้โซล่าเซลล์เกาะลิบง ไม่สามารถซ่อมใช้งานได้

พลังงานจ.ตรังชี้โซล่าเซลล์เกาะลิบง ไม่สามารถซ่อมใช้งานได้

พลังงานจังหวัดตรัง ลงตรวจสอบระบบโซล่าเซลล์ที่ทิ้งร้างบนเกาะลิบง ชี้ไม่สามารถจะปรับปรุง เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขายได้อีก เหตุเสื่อมสภาพมาก ต้องใช้งบประมาณสูง ไม่คุ้มค่า

(4 เมษายน 2560) นายสุรกฤษฏ์ วงศ์วราภัทร์ พลังงานจังหวัดตรัง พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบแผง และระบบโซล่าเซลล์บนเกาะลิบง งบประมาณเกือบ 80 ล้านบาท ที่องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO) ประเทศญี่ปุ่น ร่วมมือกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ( พพ.) กระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามโครงการความร่วมมือวิจัยและสาธิตระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ขึ้นที่ ต.เกาะลิบง โดย NEDO เป็นผู้ก่อสร้างและติดตั้งขึ้น บนเนื้อที่ประมาณ3ไร่ ที่ทาง อบต.เกาะลิบง เป็นผู้จัดหาให้โดยไม่คิดมูลค่า เพื่อใช้สำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าทดแทนจากแสงอาทิตย์ และตั้งเป้าจะผลิตกระแสไฟฟ้าใช้บนเกาะ และขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วย

เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ทาง NEDO ได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเป็นเจ้าของดูแลบำรุงรักษาต่อไป เพื่อให้ประชาชนบนเกาะลิบงที่มีกว่า 800 ครัวเรือน หรือประมาณ 4,000 คน ที่ขณะนั้นระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยังเข้าไปไม่ถึง จนกระทั่งต่อมาประมาณปี 2542 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ก่อสร้างและติดตั้งระบบไฟฟ้าผ่านสายเคเบิลใต้น้ำเข้าไปถึง ทางกระทรวงพลังงานก็ได้ถอดแผงโซล่าเซลล์และอุปกรณ์แผงควบคุมไฟฟ้าที่อยู่บริเวณด้านนอกและภายในอาคารส่วนหนึ่งออกไปไปติดตั้งที่จังหวัดอื่น จากนั้นได้ส่งมอบอาคารโซลาเซลล์ที่เหลืออยู่ดังกล่าว ให้ อบต.เกาะลิบงดูแล

ทั้งนี้ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และชาวบ้านยืนยันว่าส่วนที่เหลืออยู่นั้นขณะส่งมอบให้เป็นทรัพย์สินของ อบต.ดูแล อยู่ในสภาพชำรุดไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้ว จึงถูกทิ้งให้รกร้าง มายาวนานจนถึงปัจจุบันนี้ และทาง อบต.ไม่มีงบประมาณปรับปรุงซ่อมแซมจึงเรียกร้องให้กระทรวงพลังงาน เข้าไปปรับปรุงซ่อมแซมให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ดังเดิม เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าของ อบต.ซึ่งแต่ละเดือนสูงมากประมาณ 60,000 – 70,0000 บาทต่อเดือน

นายสุรกฤษฏ์ วงศ์วราภัทร์ พลังงานจังหวัดตรัง กล่าวว่า ระบบโซล่าเซลล์ดังกล่าวมีขนาดเล็ก กำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าประมาณ 40 กิโลวัตต์ อายุการใช้งานประมาณ 25 ปี ซึ่งขณะนั้นถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก แต่หลังจากมีการติดตั้งระบบไฟฟ้าด้วยเคเบิ้ลใต้น้ำเข้าไปถึงเกาะ ทำให้ความจำเป็นในการโซลเซลล์ลดน้อยลง ทางกรมฯจึงได้ถอดแผงโซล่าเซลล์ส่วนหนึ่ง ไปติดตั้งที่ในจังหวัดอื่นที่ยังมีความจำเป็นในการใช้ไฟฟ้ามากกว่า จากนั้นได้ส่งมอบให้อบต.เกาะลิบงดูแล โดยยืนยันขณะส่งมอบระบบยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ดี และมีหนังสือส่งมอบยืนยัน วันที่ 24 ธันวาคม 2553 โดย อบต.มีหน้าที่ในการดูแลบำรุงรักษาทรัพย์สิน

แต่หลังจากนั้นก็พบว่าไม่ได้ใช้ประโยชน์อีกเลย โดยที่ทาง อบต.ไม่ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกรมฯหรือกระทรวง จนกระทั่งมาเป็นข่าว โดยทางกระทรวงพลังงานได้ทำหนังสือชี้แจง ถึงสื่อมวลชนแล้วว่าทางกระทรวงไม่ได้ปล่อยทิ้งร้างแต่ได้ส่งมอบให้ อบต.เป็นทรัพย์สินของ อบต. ดังนั้น เมื่ออบต.ไม่มีผู้เชี่ยวชาญดูแลปรับปรุงซ่อมแซม ให้ทางอบต.ทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน เพื่อทางกระทรวงจะได้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญ เข้าไปทำการสำรวจอย่างละเอียด ว่าจะสามารถปรับปรุงใช้งานได้อย่างไรต่อไป และถ้างบประมาณไม่มี ทางกระทรวงก็อาจจะหางบประมาณจากส่วนอื่นมาช่วยเหลือได้

 นายสุรกฤษฏ์ วงศ์วราภัทร์ พลังงานจังหวัดตรัง กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าแผงโซล่าเซลล์เสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ มีอายุการใช้งานเหลืออีกประมาณ 10 ปี ซึ่งเมื่อ อบต.ทำหนังสือแจ้งไปทางกระทรวงฯ ทางกระทรวงก็พร้อมจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการตรวจสอบ แต่เชื่อว่าไม่สามารถจะปรับปรุง เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขายได้แล้ว เพราะต้องใช้งบประมาณสูง ไม่คุ้มค่า แต่ยังสามารถใช้ประโยชน์อื่นๆได้ เช่น ใช้สำหรับเพื่อการสูบน้ำ ผลิตน้ำดื่มใช้บนเกาะ หรืออาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่อยู่ใกล้กันได้

 ด้านผู้นำท้องถิ่น และท้องที่ ก็ยืนยันว่า ระบบโซล่าเซลล์ดังกล่าว ขณะที่รับมอบมาจากกระทรวงพลังงาน ได้มาแต่ทรัพย์สิน แต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้ว ทาง อบต.จึงไม่มีงบประมาณสำหรับการปรับปรุงซ่อมแซมจนถึงปัจจุบัน ซึ่งหาสามารถปรับปรุงซ่อมแซมได้ เชื่อว่าจะสามารถประหยัดงบประมาณค่าไฟฟ้าของ อบต.ในแต่ละเดือนได้จำนวนมาก