MORNING CALL ACTION NOTES (3 เม.ย.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (3 เม.ย.60)

พักฐาน

แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นรวมถึงการทำ Window Dressing แต่ดัชนีหุ้นไทยวันก่อนปรับตัวลงจากแรงขายตามสัญญาณเทคนิคหลังดัชนีไม่ผ่านแนวต้านสำคัญ 1,585 จุด ส่งผลให้ SET ปรับตัวลงปิดที่ 1,575.11 จุด (-4.77 จุด) Vol. 3.8 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -287 ลบ. , TFEX Net +1,325 สัญญา , ตราสารหนี้ไทย Net +3,859 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- ตลาดหุ้น DJ อ่อนตัวลง หลังตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดโดย +0.1% และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเดือนมี.ค.อยู่ที่ระดับ 96.9 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 97.6

- ปธน.ทรัมป์ ออกคำสั่งพิเศษ 2 ฉบับเพื่อยุติการขาดดุลการค้า 50,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนจาก 16 ประเทศ ทั้งในเอเชีย ยุโรปตะวันออก อาเซียน รวมทั้งไทย ว่าเกิดจากสาเหตุใดโดยให้เวลาศึกษา 90 วันจะต้องได้ผลสรุป โดยสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบและถูกจับตามาก ได้แก่ กลุ่มอะไหล่ชิ้นส่วน สินค้ายานยนต์ ยาง เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม

- ดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนเดือนมี.ค.ชะลอลงสู่ 51.2 จาก 51.7 เดือนก.พ.

+ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นล่าสุด 50.6 US/Barrel หลังประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายประเทศสนับสนุนให้ขยายเวลาการลดกำลังการผลิตเพื่อบรรเทาภาวะน้ำมันล้นตลาดและหนุนราคาน้ำมันให้ดีดตัวขึ้น

+/- Foreign พลิกเป็น Net Sell เล็กน้อยราว 286 ลบ. แต่ทั้งเดือนมี.ค.เป็น Net Buy 3.6 พันลบ. และเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าล่าสุด 34.3 Bath/USD.

** 5 เม.ย. FOMC เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 14-15 มี.ค.

** ติดตามการ Preview งบ Q1/17 ของกลุ่มธนาคาร และจะเริ่มประกาศงบในช่วงกลางเดือนเม.ย. จนถึงวันสุดท้าย 21 เม.ย.

ภาวะตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน นอกจากนั้นความกังวลปธน.ทรัมป์ออกคำสั่งแก้ปัญหาขาดดุลการค้าต่อ 16 ประเทศ(รวมถึงไทย) เป็นแรงกดดันต่อทิศทางดัชนี อย่างไรก็ตามคาดว่าปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ขึ้นยืนเหนือ 50 US/Barrel และเงินบาทที่มีทิศทางแข็งค่าเป็นบวกต่อกระแส Fund Flow จะพยุงดัชนีในช่วงอ่อนตัว ดังนั้นประเมินว่า SET จะพักตัวในกรอบ 1,565 – 1,585 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยบวก

- TPIPL เปลี่ยนนโยบายการบัญชีใหม่ ส่งผลให้ไม่มีภาระในการรับรู้ค่าเสื่อมในงบกำไรขาดทุนประมาณ 1.3 พันล้านบาท/ปี

- กลุ่มพลังงาน อานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือ 50 US/Barrel

- DEMCO EA GUNKUL ข่าวส.ป.ก.ไฟเขียว 16 บริษัททำโรงไฟฟ้าวินด์ฟาร์มได้ต่อ



หุ้นแนะนำพิเศษ

PTTGC    ราคาปิด 74.00 บาท    ราคาเหมาะสม 77 บาท

- คาดกำไรปี 2017 อยู่ที่ 2.68 หมื่นล้านบาท + 5%YoY(มีแนวโน้มปรับประมาณการเพิ่ม) โดยได้รับผลบวกจากธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ส่วนต่างผลิตภัณฑ์ปรับตัวขึ้นทั้ง Px และ BZ 19% และ 23% YTDตามลำดับ และธุรกิจโอเลฟินส์ที่ราคาผลิตภัณฑ์ HDPE LDPE และ LLDPE ปรับตัวตัวขึ้น 5% 4% และ 13% YTD ตามลำดับ

- มี Upside จากการซื้อบริษัทจาก PTT คาดใช้เงินราว 2.6 หมื่นล้านบาทซื้อบริษัทสายพลาสติกจาก PTT 6 บริษัท (จะเริ่มรับโอนบริษัทช่วง ต.ค.60) ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรได้ราวปีละ 2.4 พันล้านบาท(ยังไม่ได้รวมในประมาณการ) พร้อมกันนี้เตรียมนำบริษัท GGC เข้าจดทะเบียนในตลาดปีนี้



หุ้นมีข่าว

- TISCO (ราคาปิด 71.75 บาท ถือ ราคาเหมาะสม 70 บาท) ธปท.เห็นชอบให้รับโอนกิจการลูกค้ารายย่อยและกิจการบัตรเครดิตจากธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในปี 60

  ความเห็น ส่งผลบวกต่อสินเชื่อปลายปี 60 มีแนวโน้มพลิกเติบโตจากที่หดตัว 5.6% ณ ปลายปี 59 แม้ว่าตลาดสินเชื่อเช่าซื้อจะยังไม่ฟื้นตัว ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มสมมติฐานอัตราการเติบโตของสินเชื่อราว 15% เพื่อสะท้อนถึงพอร์ตที่เติบโตหลังซื้อธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ทำให้ประมาณการกำไรใหม่เพิ่มขึ้น 16% เป็นราว 6.3 พันลบ. เพิ่มขึ้น 25% อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นสูงกว่าราคาเหมาะสมของเรา จึงแนะนำ “ถือ”

- IRPC (ราคาปิด 5.15 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 5.85 บาท) เผยแผนซ่อมบำรุงใหญ่ใกล้แล้วเสร็จ-ผลตรวจวัดคุณภาพสวล.รอบโรงกลั่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

  ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการใน 2Q60-4Q60 โดยคาดว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1/60 จากที่มีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่นฯ และโครงการ UHV ซึ่งหากทั้ง 2 โครงการกลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติคาดว่าจะหนุนให้ค่าการกลั่นจะทรงตัวใกล้เคียงปีก่อนที่ 13-14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ว่าส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินจะปรับตัวลงในไตรมาส 1/60 ที่ -8% และ -8.2% ตามลำดับก็ตาม

- ประเด็นบวก PTTEP (ราคาปิด 93 ถือ ราคาเหมาะสม 97) ปิด 6 บ.ย่อยที่ไม่ได้ดำเนินการแล้วในออสเตรเลีย-อิหร่าน หวังช่วยลดค่าใช้จ่ายบริหารจัดการ

- LHBANK (ราคาปิด 1.78 Bloomberg Consensus 1.79) นัดประชุม24เม.ย. ขออนุมัติขายหุ้นให้แบงก์ไต้หวัน 7.5 พันล้านหุ้นที่ราคา 2.2 บาทต่อหุ้น ขณะที่ LH และ QH ไดลูทเหลือหุ้นรวมกัน 35.6% จากเดิม 55.3%

  ความเห็น : หลังควบรวมกิจการซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จราวปลายเดือน ก.ย. โดยคาดว่า CTBC พันธมิตรจะช่วยเสริมเติมด้านธุรกิจ Trade Finance และ Digital Banking ส่งผลให้กำไรปี 60 มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องจากปี 59 ที่เติบโต 63% เราคาดการณ์กำไรปี 60 ราว 2.9 พันล้านบาท +10% แต่ EPS growth -29% จากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นราว 55%

- SAMTEL (ราคาปิด 13.60 Bloomberg Consensus 13.95) ได้งานโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมทหารของกองทัพไทย มูลค่า 941 ลบ.

- STEC (ราคาปิด 24.00 Bloomberg Consensus 30.44) ได้งานก่อสร้างอาคารใหม่ของกระทรวงการคลัง มูลค่า 1.68 พันลบ.

- กลุ่มอาซาฮีเผยเบื้องต้นมีผู้เสนอขายหุ้น VNT เพียง 0.001% ขณะที่ PTTGC ไม่ตอบรับคำเสนอซื้อ ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับความคิดเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระต่อคำเสนอซื้อหลักทรัพย์

- BTS (ราคาปิด 8.45 บาท ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 10.13 บาท) บรรลุข้อตกลงสัญญาให้บริการเดินรถ-ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสีเขียวเหนือและใต้ มูลค่า 1.61 แสนลบ.เป็นเวลา 25 ปี

- EGCO (ราคาปิด 214 บาท ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 225 บาท) เผยรับโอนหุ้น 2 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดฯจากเครือเชฟรอนแล้ว

- MACO เผยสรุปดีลซื้อกิจการหรือร่วมทุนในประเทศ 1 แห่งในครึ่งปีแรก มั่นใจรายได้ปีนี้โต 20-25% แย้มอุตสาหกรรมสื่อเริ่มฟื้นตัว ลุยขยายพื้นที่สื่อต่อเนื่องทั้งป้ายโฆษณาและโครงการ CBD LED Network วางงบลงทุนรวมกว่า 360 ล้านบาท (ที่มาทันหุ้น)

- D (ราคา IPO 6 บาท = P/E 28.22 เท่าซึ่งคำนวณจากกำไรต่อหุ้นย้อนหลัง 12 เดือน) บมจ.เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จะเข้าซื้อขายในตลาด mai วันนี้เป็นวันแรกในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ ประกอบธุรกิจให้บริการทางทันตกรรมในรูปแบบศูนย์ทันตกรรมและคลินิกทันตกรรมภายใต้ 3 แบรนด์ BIDC, Dental Signature และ Smile Signature ปัจจุบันมี 12 สาขา วัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนคือ ขยายสาขา ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน ปี 59 มีรายได้รวม 441 ล้านบาท +6% กำไรสุทธิ 42.52 ลบ. +245%



ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -65.27 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 65.27 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 20,663.22 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.34 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 2,362.72 จุด ดัชนี Nasdaq ขยับลง 2.61 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 5,911.74 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการ รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือนก.พ. ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์

ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.25 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 50.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ แต่ปรับตัวลง 5.8% ในไตรมาสแรก หลังมีกระแสคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันอาจขยายเวลาลดกำลังการผลิต เพื่อบรรเทาภาวะน้ำมันล้นตลาดและหนุนราคาน้ำมันให้ดีดตัวขึ้น

ส่องหุ้น

- KOOL แนวรับ 6.80-6.75 บาท แนวต้าน 7.05-7.10 บาท

- ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high โดยผ่านขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้และมีลุ้นผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันด้วย ในขณะที่ MACD กำลังพยายามดีดกลับขึ้นยืนเหนือศูนย์และมีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นพอสมควร หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 6.80-6.75 บาทซะก่อน ระดับราคายังมีลุ้นขึ้นต่อได้แถวๆ 7.05-7.10 บาทได้ต่อไป

- RCI แนวรับ 3.86 บาท แนวต้าน 3.96 , 4.40 บาท

- ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบ 2 สัปดาห์หลังจากผ่านขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันได้ โดยมีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประกอบกับ MACD ปรับตัวขึ้นยืนเหนือศูนย์ได้แล้ว หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันแถวๆ3.86 บาทซะก่อน ระดับราคามีโอกาสดีดกลับผ่าน 3.96 บาท ขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 4.40 บาทได้ต่อไป

- UTP แนวรับ 7.65-7.55 บาทแนวต้าน 7.95 , 8.20 บาท

- ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบสัปดาห์ และปิดได้ในระดับสูงสุดของวัน ในขณะที่ MACD ดีดกลับขึ้นมายืนเหนือศูนย์ได้ติดต่อกัน 2 วันแล้ว ประกอบกับเกิดสัญญาณ Golden cross อีกด้วยและมีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มขึ้น หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 7.65-7.55 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ 7.95 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 8.20 บาทต่อไป