สภาผู้ส่งออกฯชี้บาทแข็งค่า 4.7% มากสุดในอาเซียน

สภาผู้ส่งออกฯชี้บาทแข็งค่า 4.7% มากสุดในอาเซียน

"สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ" คาดส่งออกปีนี้โตแค่ 2 - 3% หวั่นค่าเงินบาทผันผวนกระทบส่งออก ชี้แข็งค่า 4.7% มากสุดในอาเซียน

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้ว 4.7% และแข็งค่ามากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ทำให้เกรงว่า จะกลายเป็นความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย และยังมีแรงกดดันให้เงินบาทแข็งขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะเห็นผลของกระทบชัดเจนใน 2-3 เดือนข้างหน้า ทำให้สรท.ประเมินว่า การส่งออกของไทยปีนี้ น่าจะขยายตัวได้ 2-3% จากเศรษฐกิจโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง บนพื้นฐานไม่มีสถานการณ์รุนแรงผิดปกติมากระทบ

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือ นโยบายทางการค้าของสหรัฐฯที่ไม่ชัดเจน และยังไม่เป็นรูปธรรม ทำให้การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย ไม่ส่งผลทำให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับอย่างที่คาดไว้ แต่กลับทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น จนกลายเป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตาใกล้ชิด และยังมีแรงกดดันให้เงินบาทแข็งขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะเห็นผลของกระทบชัดเจนใน 2-3 เดือนข้างหน้า และประเมินว่าทั้งปีนี้ เงินบาทจะอยู่ในช่วง 35.5-37.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาน้ำมัน 50-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลนอกจากนั้น ความไม่แน่นอนในกรณี ที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) ก็เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่มีผลต่อเศรษฐกิจโลกและการส่งออกของไทย และคาดว่า การที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเป้าหมายการส่งออกไว้ 5%นั้น คิดว่าอาจะเป็นไปได้ยาก

ด้านนายวัลลภ วิตนากร รองประธานสรท. กล่าวว่า การส่งออกในเดือนมี.ค.นี้ มีแนวโน้มขยายตัวได้ 0% ถึง -2% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่ากว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค แต่แนวโน้มภาพรวมยังไปได้ดี และอยากให้พิจารณาการนำเข้าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเครื่องจักร สินค้าทุน ทำให้น่าจะส่งผลดีต่อการลงทุน การส่งออก เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้าเกษตร ทั้ง ข้าว ยางพารา และ มันสำปะหลัง ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น  ขณะเดียวกันอยากให้ทุกภาคส่วนสนับสนุน และผลักดัน ยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้ไทย สามารถเป็นชาติการค้า เพิ่มมูลค่าและการส่ออกให้ขยายตัวได้มากขึ้นด้วย