MORNING CALL ACTION NOTES (30 มี.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (30 มี.ค.60)

Selective Buy

ดัชนีหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวแคบเนื่องจาก PTT ขึ้น XD 10 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตามมีแรงเก็งกำไรสินค้า Commodity เช่น ถ่านหิน ยาง รวมถึงแรงซื้อดักการทำ Window Dressing ส่งผลให้ SET ปิดลบเล็กน้อยที่ 1,574.97 จุด (-1.75 จุด) Vol. 3.6 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +157 ลบ. , TFEX Net -2,044 สัญญา , ตราสารหนี้ไทย Net +1,898 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- ตลาดหุ้น DJ อ่อนตัวลงหลังอังกฤษประกาศใช้มาตรา 50 เพื่อเริ่มกระบวนการ Brexit ซึ่งอาจส่งผลให้อังกฤษเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง

+ บอร์ด PPP เห็นชอบเพิ่ม 6 โครงการเข้า Fast Track มูลค่ากว่า 6 แสนลบ.

+ ส.ป.ก.ไฟเขียว 16 บริษัททำโรงไฟฟ้า 'วินด์ฟาร์ม' ได้ต่อ หลังศาลฯเพิกถอนบริษัทไป 1 ราย ชี้เป็นคนละกรณีเพราะบริษัทที่เหลือทำถูกต้องตามขั้นตอนและระเบียบ ทั้งจ่ายเงินชดเชยเกษตรกรปีละนับแสนบาท

+ กนง. คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% และปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 60 ขึ้นเป็น + 3.4% (จาก +3.2%) หลังส่งออกฟื้นชัดเจน,ปี 61 คาด +3.6% สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดว่าในปี 60 อยู่ที่ 1.2% ส่วนในปี 61 อยู่ที่ 1.9%

+ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นล่าสุด 49.6 US/Barrel หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดโดยเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล สู่ 534 ล้านบาร์เรล

+ Foreign เป็น Net Buy 9 วันต่อเนื่องราว 9 พันลบ. รวมถึงเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าล่าสุด 34.5 Bath/USD.

** การทำ Window Dressing ปิด NAV Q1/17 ในช่วงสัปดาห์นี้

ภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น , กระแส Fund Flow ที่ยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง รวมถึงกนง.ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี60 ขึ้นเป็น +3.4% อย่างไรก็ตามมีความกังวลภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของอังกฤษหลังเริ่มกระบวการ BREXIT วานนี้ซึ่งกดดันให้ตลาดผันผวนง่าย ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,570 – 1,585 จุด

กลยุทธ์การลงทุน ซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy

- DEMCO EA ข่าวส.ป.ก.ไฟเขียว 16 บริษัททำโรงไฟฟ้าวินด์ฟาร์มได้ต่อ

- กลุ่มเดินเรือ PSL TTA ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นล่าสุด 1,338 จุด

- กลุ่มที่คาดว่าเป็นเป้าหมายการทำ Window dressing เนื่องจาก Underperform ตลาด ได้แก่ BJC THAI UNIQ STEC BCH

- ประเด็นลบ AOT กรมธนารักษ์ยืนยันค่าเช่าใหม่สนามบินสุวรรณภูมิ ต้องมากกว่าปีละ 1.5 พันล้านบาท หลังปรับสูตรใหม่ เป็นผลตอบแทนจากสินทรัพย์ หรือ ROA ในพื้นที่เชิงพาณิชย์ รวมทั้งคิดค่าเช่าย้อนหลังด้วย คาดได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ ส่วนสนามบินที่เหลืออีก 5 แห่งได้ข้อสรุปจ่ายเพิ่มอีกพันล้าน (ข่าวหุ้น)


หุ้นแนะนำพิเศษ

SCN (ราคาปิด 8.40 บาท ซื้อ ราคาพื้นฐาน 9.90 บาท)

- คาดกำไรปี 60 ที่ 397 ลบ. (+27%YoY) เนื่องจากผู้บริหารมีนโยบายขยายปั๊มก๊าซฯ เชิงรุกอีก 9 สถานีรวมเป็น 16 สถานี (อยู่ดำเนินการแล้ว 7 สถานี อยู่ระหว่างก่อสร้าง 6 สถานี และอีก 3 สถานีกำลังเจรจาเข้าลงทุน) และคาดเปิดดำเนินงานสถานี ICNG แห่งที่ 2 ที่สระบุรีภายในปีนี้ อีกทั้งโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ 5 MW ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 4Q59 จะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 60

- บริษัทเตรียมนำบริษัท สยามวาสโก (บริษัทลูก) เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI หากขยายสถานีจำหน่ายก๊าซฯ ได้ครบ 20 สถานี เพื่อปลดล็อคมูลค่าบริษัทลูก และลดภาระหนี้สินของ SCN

หุ้นมีข่าว

- BEM (ราคาปิด 7.55 ราคาเหมาะสม 7.40 ทบทวนปรับเพิ่มประมาณการ) คาดใช้เงินลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย 2.2 หมื่นลบ.

  ความเห็น สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายจะผ่านพื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นทั้งเส้นจรัลสนิทวงศ์ และเส้นเพชรเกษมซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ในอนาคตรถไฟฟ้าทุกสายจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการหลัง BEM ได้งานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย

- KTB (ราคาปิด 20.20 บาท ถือ ราคาเหมาะสม 21.60) ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อในไตรมาสแรกของปีนี้ยังทรงตัวเท่ากับสิ้นปีที่แล้ว คาดไตรมาส 2 สินเชื่อเริ่มฟื้นชัดจากอานิสงส์ที่ภาครัฐเร่งผลักดันโครงการลงทุนและเห็นสัญญาณการเบิกใช้สินเชื่อในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงการรัฐ รับแนวโน้ม NPL เพิ่มสูงสุดในไตรมาส 2

  ความเห็น ประมาณการปี 60 เราใช้สมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อราว 5% จากที่หดตัว 6% ในปี 59 รวมทั้งคาดว่าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญใกล้เคียงกับปี 59 ที่ราว 3.2 หมื่นล้านบาท จึงคาดการณ์กำไรปี 60 ราว 3.33 หมื่นล้านบาท +3.3%

- SIRI (ราคาปิด 1.98 บาท ถือ ราคาเหมาะสม 2 บาท) ตั้งเป้ายอดขายโครงการแนวราบ 1.5 หมื่นลบ. เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อน ลุยเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.93 หมื่นลบ. รุกขยายฐานลูกค้าต่างชาติ จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง และตะวันออกกลาง พร้อมโชว์ฟอร์ม Q1/2560 ทำยอดขายแตะ 7 พันลบ. (ที่มาทันหุ้น)

  ความเห็น แผนธุรกิจปี 2560 บริษัทมีแผนทำการตลาดลูกค้าต่างชาติให้มากขึ้นโดยตั้งเป้ายอดขายของลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นเกือบ 40% จากปี 59 หลังจากลูกค้าต่างชาติรู้จักบริษัทและเชื่อมั่นในแบรนด์มากขึ้น คาดกำไรปี 60 +6% เป็น 3.2 พันล้านบาททรงตัวเมื่อเทียบกับปี 59 สำหรับกำไร 1Q60 มีแนวโน้มลดลง QoQ จากเกือบ 1.6 พันลบ.ใน 4Q59 แต่คาดจะเพิ่มขึ้น YoY จากฐานที่ต่ำเพียง 556 ลบ.

- CK (ราคาปิด 27 ซื้อ ราคาเหมาะสม 38) จ่อร่วมวงชิงงานรถไฟฟ้าทุกเส้นทางตั้งเป้าคว้างานไม่ต่ำกว่า 20-25% ของมูลค่างานทั้งหมด หวังอัพยอด Backlog ทะลักกว่า 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 8.3 หมื่นล้านบาท รับรู้รายได้ยาวต่อเนื่อง 3 ปีข้างหน้า ด้านบอร์ด PPP อนุมัติ 6 โครงการ เร่งประมูลปีนี้ มูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท(ที่มาทันหุ้น)

- SYNTEC (ราคาปิด 4.70 ถือ ราคาเหมาะสม 5.20) เนื้อหอมรายใหญ่วงการอสังหาฯ รุมจีบขอซื้อที่ดิน 55 ไร่ มูลค่าปัจจุบัน 4.5-5 ล้านบาทต่อไร่ จากต้นทุนที่ 1.8 ล้านบาทต่อไร่ ส่วนผลงานปี 2560 เล็งรับรู้รายได้งานก่อสร้าง และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เติบโต 5% ขณะที่มีสินทรัพย์ที่จะบันทึกเป็นกำไรจากรายการพิเศษในอนาคต(ที่มาทันหุ้น)

- ประเด็นบวก DEMCO (ราคาปิด 6.90 Bloomberg Consensus 7.40) เซ็นสัญญารับงานสถานีไฟฟ้าอุดรฯ 4 ของกฟภ.มูลค่า 193.45 ลบ. นอกจากนี้รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ผู้ประกอบกิจการกังหันลมทั้ง 16 บริษัท 17 โครงการสามารถดำเนินการต่อได้ ยกเว้นบริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัดที่ศาลปกครองสูงสุดเห็นควรเพิกถอนการดำเนินงาน

- CBG (ราคาปิด 58.50 Bloomberg Consensus 62.38) ร่วมทุนพันธมิตรญี่ปุ่นตั้ง รง.ผลิตกระป๋องอลูมิเนียมมูลค่าโครงการรวม 2.15 พันลบ.

- ASAP (ราคา IPO 3.03 บาท) บมจ. ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าภายใต้แบรนด์ “asap" จะเข้าซื้อขายใน SET วันนี้ (30 มี.ค.) เป็นวันแรกในหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ราคา IPO คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้น(P/E) เท่ากับ 27.55 เท่า ปี 59 มีกำไร 70 ลบ +25%

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -42.18 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,659.32 จุด ลดลง 42.18 จุด หรือ -0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,361.13 จุด เพิ่มขึ้น 2.56 จุด หรือ +0.11% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,897.55 เพิ่มขึ้น 22.41 จุด หรือ +0.38% หลังจากอังกฤษเริ่มต้นกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ ซึ่งนักลงทุนติดตามความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่บริษัทจดทะเบียนจะเริ่มทยอยเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสแรกปีนี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้น และดัชนี NASDAQ ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า 2%

ตลาดน้ำมัน NYMEX +1.14 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 49.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสต็อกน้ำมันดิบซึ่งรายงานโดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) นั้น เพิ่มขึ้นน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ข่าวการปิดบ่อน้ำมันที่สำคัญในประเทศลิเบีย ยังคงเป็นปัจจัยกระตุ้นแรงซื้อในตลาดน้ำมัน