เตือนระวังโรคเมลิออยโดสิส สงขลาเสียชีวิตแล้ว3ราย

เตือนระวังโรคเมลิออยโดสิส สงขลาเสียชีวิตแล้ว3ราย

เตือนประชาชนระวังป่วยเป็นโรคเมลิออยโดสิส เผยปี2560 จ.สงขลาภาคใต้ ตอนล่างพบผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว 3 ราย แนะเลี่ยงสัมผัสดินและน้ำเมื่อมีบาดแผล หากมีอาการไข้นานเกิน5วัน ให้รีบไปพบแพทย์

ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เปิดเผย “ผู้สื่อข่าว” โรคเมลิออยโดสิส เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งพบได้ทั่วไปในดินและน้ำ มักพบในช่วงหลังฝนตกประมาณ1-2เดือน โรคเมลิออยโดสิสสามารถติดต่อจากการสัมผัสกับดินหรือน้ำ ผ่านทางบาดแผลที่ผิวหนัง หรือหายใจเอาฝุ่นจากดินหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป เชื้อเมลิออยโดซิสสามารถอยู่ได้ในซากสัตว์ที่อยู่ในดินและน้ำ

สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้ส่วนใหญ่คือผู้ที่มีอาชีพที่ต้องสัมผัสดินและน้ำ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคไต และผู้ที่มีสุขภาพอ่อนแอ เช่น ติดสุราหรือทานยากดภูมิคุ้มกัน โรคนี้ก็อาจเข้าแทรกซ้อนได้ อาการโดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีไข้สูง หรือมีไข้เป็นเวลานานโดยไม่ทราบสาเหตุ หายใจไม่สะดวก หรือหอบเหนื่อย ซึมแบบไม่รู้ตัว ผู้ป่วยบางรายมีอาการคล้ายโรคปอดบวมรุนแรง บางรายมีอาการคล้ายวัณโรค

สำหรับสถานการณ์โรคเมลิออยโดสิสในเขตพื้นที่7จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ข้อมูลตั้งแต่วันที่1มกราคม– 27มีนาคม2560พบผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิสแล้วจำนวน13ราย โดยพบที่จังหวัดสงขลา5ราย จังหวัดตรัง4ราย จังหวัดพัทลุง4ราย และพบผู้เสียชีวิตที่จังหวัดสงขลาจำนวน3ราย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้พื้นที่ภาคใต้พบจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว คาดว่าอาจเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมาพื้นที่ภาคใต้ประสบกับภาวะฝนตกหนักและมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน น้ำจึงชะเอาเชื้อที่อยู่ในดินขึ้นมาอยู่ที่บริเวณผิวดิน ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

ส่วนการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคเมลิออยโดสิส คือ ป้องกันไม่ให้เกิดบาดแผลเมื่อต้องสัมผัสดินและน้ำ หากมีแผลถลอกหรือไหม้ซึ่งสัมผัสกับดินหรือน้ำควรทำความสะอาดทันที ในบุคคลที่มีอาการของโรคเบาหวาน และมีบาดแผลรุนแรง ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับดินและน้ำ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้สวมถุงมือและรองเท้ายางเพื่อป้องกัน และหากมีอาการไข้นานเกิน5วัน หรือมีบาดแผลอักเสบเรื้อรัง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคเมดิออยโดสิสสามารถโทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค1422