Daily Market Outlook (29 มี.ค.60)

Daily Market Outlook (29 มี.ค.60)

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแกร่งกลบปัญหาของ Trump

คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ตามตลาดหุ้นสหรัฐที่พุ่งขึ้นแรงเมื่อคืน หลังจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคอเมริกันสูงสุดในรอบ 16 ปี และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นที่ออกมาพร้อมกันก็บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐแกร่ง ดูเหมือนว่านักลงทุนจะมองข้ามความพ่ายแพ้ในรัฐสภาของ Trump เรื่องกฎหมายสาธารณสุข รวมทั้งมาตรการกระตุ้นอื่นๆ ตราบเท่าที่เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ด้วยดี ความไม่แน่นอนทั้งหลายตอนนี้เลยไปอยู่ที่ยุโรปหลังจากนายกรัฐมนตรี May ของอังกฤษแจ้งเป็นทางการไปที่ EU ว่าจะเริ่มกระบวนการออกจาก EU ปัจจัยภายในประเทศ คาด ธปท. คงดอกเบี้ยวันนี้แต่อาจส่งสัญญาณปรับขึ้นคาดการณ์เศรษฐกิจขยายตัว การท่องเที่ยวมีข่าวดีอีกหลังจาก AOT รายงานจำนวนผู้ใช้บริการสนามบินพุ่งขึ้น 7.7% ใน 2 เดือนแรกของปี

หุ้นเด่นวันนี้: TRC(1.59บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS เท่ากับ 2.20 บาท)

เราเลือก TRC เป็น Pick of the day จากความคืบหน้าของกิจการเหมืองโปแตชที่กำลังคืบหน้าไปได้ดี หลังจากกระทรวงการคลังจ่ายเงินเพิ่มทุนในบมจ.เหมืองโปแตชชัยภูมิ (APOT) จำนวน 80 ล้านบาท ทำให้ APOT เดินหน้าการเซ็นต์สัญญาว่าจ้าง TRC เป็นผู้รับเหมาฯ ในการดำเนินโครงการเหมืองแร่โปแตช มูลค่างาน 34 พันล้านบาท ภายในไตรมาส 2/60 โดยจะมีการประชุมผู้ถือหุ้น APOT เพื่อให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นได้ใส่เงินเพิ่มทุนตามกระทรวงการคลัง เราคาดว่ากระทรวงการคลังจะเสนอ ครม.เพื่อมอบหมายให้กิจการรัฐวิสาหกิจเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใน APOT แทน เชื่อว่าความคล่องตัวของ APOT จะเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ เราคาดการณ์รายได้การก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากระดับ 4.0 พันล้านบาทในปี 2559เป็น8 พันล้านบาท ในปี 2560และ 10 พันล้านบาทในปี 2561 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 24% เป็น 330 ล้านบาทในปี 2560 และ 28% เป็น 461 ล้านบาทในปี 2561 เราชอบผู้รับเหมาที่ทำงานในภาคก่อสร้างเอกชนเช่น TRC มากกว่าผู้รับเหมาที่ทำงานในภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการที่มีระดับอัตรากำไรขั้นต้นในเกณฑ์ที่ดีกว่า 10% Backlog จาก APOT จะช่วยรักษารายได้ของ TRC ไว้ได้ใน 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้PTT ที่เป็นลูกค้าสำคัญของ TRC จะเปิดประมูลก่อสร้างท่อก๊าซเส้นที่ 5 และท่อก๊าซย่อยอีกมูลค่ารวมกว่า 3 หมื่นล้านบาทและ TRC มีโอกาสที่จะชนะการประมูลนอกจากนี้ยังมีโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะที่จะสร้างขึ้นในปีนี้ซึ่ง TRC คาดว่าจะเข้าประมูล เพื่อเพิ่มงานในมือราคาเป้าหมายโดยวิธีSOTP เท่ากับ 2.20 บาทประกอบด้วยมูลค่าการดำเนินงานก่อสร้างที่ 1.69 บาท (15x EV/EBITDA) และมูลค่า DCF ของเหมืองแร่โปแตชอีก0.51 บาท จากการที่TRC ถือหุ้น 25% ในเหมืองดังกล่าวยังมี Upside 38% จากราคาปัจจุบัน Price Pattern ของ TRC ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ก็จะทำให้ TRC เข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอย่างเต็มตัว หากสามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 1.65 บาท ก็จะทำให้กลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ โดยมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 1.65 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 1.78 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ TRC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 1.55 บาท (Resistance: 1.60, 1.61, 1.63; Support: 1.58, 1.57, 1.55)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• คาดแบงค์ชาติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ อ้างอิงจากโพลล์สำรวจของ Reuters ต่อนักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 24 คนซึ่งมีความเห็นตรงกันทั้งสิ้น (Reuters) ความเห็น: ถือเป็นมุมมองที่สอดคล้องกับคาดการณ์ของเราว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ เพื่อสนับสนุนให้การใช้จ่ายลงทุนของภาครัฐนำพาเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่จะใช้ดอกเบี้ยในระดับต่ำได้

• ครม.วานนี้เห็นชอบมติซูเปอร์บอร์ดทบทวน TOR รถไฟทางคู่ 5 โครงการพร้อมทั้งกำชับให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งเดินหน้าการเปิดประมูลโครงการรถไฟรางคู่ดังกล่าวทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน (The Nation)

• BEM (7.60บาท): ครม.ไฟเขียวให้ BEM เดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค, บางซื่อ-ท่าพระ ในรูปแบบ PPP net cost, ผลตอบแทน 9.75% ตลอด 30 ปีและขยายระยะเวลาการเดินรถสายสีน้ำเงินหรือสายเฉลิมรัชมงคลที่วิ่งอยู่ปัจจุบันให้สิ้นสุดระยะเวลาเดียวกับสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย คือในปี 2593 สัญญาสัมปทานของสายสีน้ำเงินเดิมจะหมดอายุ ปี 2572 (อินโฟเควสท์)ความเห็น: เรื่องนี้ช่วยปลดล็อค Overhang ของ BEM ซึ่งเราได้กำหนดราคาเป้าหมายของ BEM ตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานใหม่นี้ไปแล้ว ตั้งแต่เริ่มมีการใช้ ม.44 ที่มีกำหนด ก.ค.-ต.ค.59 ราคาเป้าหมาย 10.10 บาทจากวิธี DCF (ถึงปี 2579 จากนั้น ใช้ Terminal Value ที่อัตราการเติบโต 3% ต่อปี) ของเราได้รวมเรื่องดังกล่าวไปแล้ว เรายังเห็นว่า BEM มีอัตราการเติบโตของกำไรดีในปี 2560 คือ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40%YoY และ 4.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.2%YoY ในปี 2561 แนะนำซื้อ

• จำนวนผู้โดยสารผ่านสนามบินหลัก 6 แห่งเติบโตโดดเด่นในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 7.7% YoYเป็น 23.3 ล้านคน ขณะเดียวกันจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกันที่ 5.7% YoYมาอยู่ที่ 139,890 เที่ยวบิน ทั้งนี้การโดยสารของผู้โดยสารในประเทศเติบโตมากกว่าผู้โดยสารต่างชาติเนื่องในเทศกาลปีใหม่และเทศกาลตรุษจีน (Bangkok Post)

• รมว.อุตสาหกรรมยืนยัน Alibabaยังคงให้ความสนใจลงทุนในไทย โดยวางแผนใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายผ่ายระบบอิเลคทรอนิคส์ของภูมิภาค เชื่อมโยงตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งคาดจะได้ข้อสรุปการลงทุนภายในปีนี้ (The Nation)

ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร ตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นหลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี ราคาผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 11/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 2.416% เพิ่มขึ้นจาก 2.375% เมื่อวันจันทร์ ราคาผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีลดลง 24/32 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ที่ระดับ 3.017% เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 2.98% เมื่อวันจันทร์ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีอยู่ที่ระดับ 1.301% เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 1.267% เมื่อวันจันทร์ (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อวันอังคาร ดีดตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์และนายเจอโรม พาวเวลล์จากคณะกรรมการเฟดได้ให้ความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่แวดล้อมการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษส่งผลกระทบต่อค่าเงินยูโร ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดบวก 0.6% สู่ระดับ 99.711 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบวันนับแต่วันที่ 1 มี.ค. (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันอังคารเนื่องจากข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 16 ปี ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์หลังจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นได้หยุดชะงักลงในเดือนนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์หยุดการปรับตัวลงติดต่อกัน 8 วัน นอกจากมี ยังมีข้อมูลเศรษฐกิจตัวอื่น ๆ แสดงถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ (Reuters)

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 16 ปีในเดือนมี.ค. โดยตลาดมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อตลาดแรงงาน ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 9.5 จุดสู่ระดับ 125.6 ในเดือนมี.ค.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2000 ผู้บริโภคประเมินผลทั้งจากภาวะธุรกิจในปัจจุบันและสภาวะตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้นมากในเดือนมี.ค. (Reuters)

• ราคาบ้านในสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนม.ค. ดัชนี S&P CoreLogic Case-Shiller composite เพิ่มขึ้น 5.7% YoYในเดือนม.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 5.5% ในเดือนธ.ค. ราคาบ้านที่สูงขึ้นด้วยแรงหนุนจากสต็อกบ้านที่อยู่ในระดับต่ำ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาบ้านจะปรับตัวขึ้นต่อแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านจะปรับตัวขึ้น (Reuters)

• สหรัฐขาดดุลการค้าลดลงในเดือนก.พ. และสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีไตรมาส 1/60 กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยในรายงานดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจเมื่อวันอังคารว่าสหรัฐขาดดุลการค้าลดลง 5.9% สู่ระดับ 6.48 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.พ. เนื่องจากการนำเข้าลดลงมากกว่าการส่งออกที่ลดลง สต็อกสินค้าที่อยู่กับผู้ค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% อยู่ที่ระดับ 6.16 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และสต็อกสินค้าที่อยู่กับผู้ค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.4% อยู่ที่ระดับ 5.94 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)

• เฟดสาขาแอตแลนตาประมาณการจีดีพีจะขยายตัวในอัตรา 1.0% ในไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้นจากประมาณการก่อนหน้าที่ขยายตัวในอัตรา 0.8% ทั้งนี้ เศรษฐกิจขยายตัวในอัตรา 1.9% ในไตรมาส 4/59 (Federal Reserve Bank of Atlanta)


ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งฟื้นตัวจากอารมรณ์เชิงลบของตลาดในช่วงก่อนหน้านี้ สนับสนุนจากประเด็นข่าวการทำดีลต่างๆ ของบริษัทจดทะเบียน โดยมีรายงานว่า Barclays เปลี่ยนความสนใจการควบรวมกิจการและเข้าซื้อกิจการ (M&A) จากSocieteGeneraleมาเป็น Credit Agricoleขณะที่ Banco Popular ในสเปนมีข่าวว่ากำลังเจรจาเพื่อขายการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ Libra Group(Reuters)

• Theresa May นายกฯ อังกฤษ ได้ลงนามในหนังสือแจ้งความจำนงเพื่อเริ่มกระบวนการ Brexitอย่างเป็นทางการและหนังสือจะเดินทางไปถึงกรุง Brussels ในวันพุธนี้ ซึ่งนับว่าเกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่สภาของสก็อตแลนด์จะมีการโหวตสำหรับการลงประชามติรอบสองที่จะออกจากการเป็นสมาชิกของ UK (Reuters)

เอเชีย:

• ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นทรงตัวในเดือนกุมภาพันธ์เนื่องจากผู้บริโภคตัดรายจ่ายด้านอาหารและสินค้าคงทนลงหลังจากที่นายจ้างเสนอให้ค่าแรงฤดูใบไม้ผลิที่ต่ำสุดในรอบ 4 ปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.1% YoYในเดือนก.พ. ซึ่งต่ำกว่าประมาณการที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.5% และน้อยกว่าอัตราการเติบโต 1.0% ในเดือนมกราคม(Reuters)

• รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกแผนในวันอังคารว่าจะช่วยปรับปรุงค่าจ้างสำหรับพนักงานที่ทำสัญญา แต่ใช้วิธีการแบบนุ่มนวลในการคงชั่วโมงทำงานแผนการนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของการปฏิรูปแรงงานของนายชินโซอาเบะซึ่งตั้งเป้าหมายไว้เพื่อลดช่องว่างด้านความมั่งคั่งและช่วยให้สตรีวัยสูงอายุและวัยหนุ่มสาวสามารถเข้าร่วมกับแรงงานได้ง่ายขึ้น(Reuters)

• จีนพยายามที่จะเพิ่มความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรปเนื่องจากประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ทรัมป์เข้ามารับตำแหน่งได้เปลี่ยนจุดยืนในการเจรจาการค้าและส่งสัญญาณความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในประเด็นต่างๆ ทูตยุโรปในกรุงบรัสเซลส์และกรุงปักกิ่งรู้สึกถึงการเร่งด่วนที่ต้องหาพันธมิตรเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโลกาภิวัตน์ท่ามกลางความหวาดกลัวว่าทรัมป์อาจจะทำลายมันด้วยนโยบาย "America First" ของเขา (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันบวกถึง 2% วันอังคารหลังแหล่งการผลิตลิเบียหยุดชะงักและทางการชี้ว่า OPEC และผู้ผลิตน้ำมันอื่นน่าจะสามารถยืดข้อตกลงการลงกำลังการผลิตได้ไปอีกถึงสิ้นปี Brent บวก 58 เซนต์ (+1.14%) ปิดที่ 51.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐบวก 64 เซนต์ (+1.34%) ปิด 48.37 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันอ้างอิงทั้งสองได้ขึ้นไปสูงสุดถึง 2% ระหว่างวัน (Reuters)

• ราคาทองคำปรับตัวต่ำลงวันอังคาร หลังเข้าใกล้จุดสูงสุดรอบหนึ่งเดือนในวันก่อน เพราะดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรรวมถึงตลาดหุ้นบวกต่อ ทองคำตลาดจรลดลง 0.3% ปิด 1,249.56 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังแตะจุดสูงสุดที่ 1,261.03 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันจันทร์ ทองคำล่วงหน้าสหรัฐปิดลง 0.01% ที่ 1,255.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์(Reuters)