'อภิสิทธิ์' ชำแหละปมร้อน ชี้4จุดอ่อนร่างกฎหมาย 'ป.ป.ช.'

'อภิสิทธิ์' ชำแหละปมร้อน ชี้4จุดอ่อนร่างกฎหมาย 'ป.ป.ช.'

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซัด4จุดอ่อนร่างกฎหมาย "ป.ป.ช." หวั่นคนไม่กล้าร้องเรียนทุจริต ชี้กองทุนจัดสรรร่วมกับรบ. เสี่ยงเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเวทีรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมายให้นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายของพรรค ติดตามการสัมนาและเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และถ้ามีความจำเป็นก็จะเสนอความเห็นเป็นเอกสารต่อกรธ.ด้วย

ทั้งนี้ตนสนับสนุนประเด็นที่ ทางกรธ.พยายามทำเพื่อแก้ปัญหาเรื่องขั้นตอนมากเกินไป และต้องการลดงานของ ป.ป.ช. ซึ่งก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่อยากเสนอให้มีการแยกประเภทเรื่องที่มีการร้องเรียน เช่น ผู้ที่ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งระดับไหน หากดำรงตำแหน่งระดับสูง เป็นนักการเมืองก็ควรใช้ระบบที่ให้กรรมการป.ป.ช.ไปเป็นประธานอนุกรรมการฯหรือดูแลสำนวนด้วยตัวเอง

ส่วนกรณีการร้องเรียนผู้ดำรงตำแหน่งในระดับที่ต่ำลงมาจะใช้เจ้าหน้าที่ทำก็ไม่เป็นไร แต่น่าจะมีการแบ่งตามระดับตำแหน่ง และมูลค่าความทุจริต ไม่อยากให้ทิ้งเรื่องการใช้อนุกรรมการที่ต้องมีหนึ่งในกรรมการป.ป.ช.เข้าไปร่วมด้วย เพราะการให้เจ้าหน้าที่ไปทำโดยคนภายนอกไม่มีทางรับรู้เลยว่า เจ้าหน้าที่มีที่มาที่ไปอย่างไรก็เป็นเรื่องอันตราย แต่ถ้าไม่มีระบบแยกคดีที่มีความสำคัญออกมาปล่อยให้เจ้าหน้าที่ธรรมก็อาจเกิดความไม่เป็นธรรมได้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วงในร่างกฎหมายนี้ 4ประเด็น คือ1.เดิมเวลาคนร้องเรียนเรื่องการทุจริตไม่ต้องเปิดเผยชื่อแต่กฎหมายใหม่บอกว่าการกล่าวหาใครต้องเซ็นต์ชื่อระบุว่าผู้กล่าวหาคือใคร ซึ่งในปัจจุบันมีคนจำนวนมากทราบเรื่องการทุจริตแต่ไม่กล้าร้องเรียน เพราะกลัวว่าจะรู้ว่าใครเป็นคนร้อง และถูกคนมีอำนาจที่ทุจริตกลั่นแกล้งเล่นงาน การบังคับว่าการกล่าวหาต้องเปิดเผยชื่อ ลงลายมือชื่อ จะทำให้มีเรื่องจำนวนมากไปไม่ถึง ป.ป.ช. สุดท้ายจะทำให้การปราบปรามการทุจริตทำได้ยากขึ้น

2.มีการขยายอำนาจป.ป.ช.มากเกินไป ที่แปลกใจคือถึงขั้นว่า ป.ป.ช.จะได้รับการยกเว้นจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด ยุทธภัณฑ์ ซึ่งตนคิดว่า ป.ป.ช.ไม่ควรสร้างจนมีลักษณะเหมือนตำรวจ ทหาร และนึกไม่ออกว่าทำไมป.ป.ช.ต้องมีอาวุธ ยุทโธปกรณ์อยู่ด้วย และการมีเช่นนี้จะนำไปสู่อะไร โดยเห็นว่าหน้าที่ ป.ป.ช.คือต้องดูเรื่องการสืบสวน สอบสวน ไต่สวนการทุจริตมากกว่า

นายอภิสิทธิกล่าวต่อไปว่า 3.ในกฎหมายฉบับนี้ กำหนดให้มีเรื่องกองทุนป.ป.ช.บูรณาการงบประมาณด้านการปราบปรามการทุจริตของรัฐบาล ส่วนนี้เองตนมีข้อห่วงใยว่าการให้ประธานป.ป.ช.ไปนั่งเป็นประธานกรรมการร่วมกับนายกรัฐมนตรีในกองทุนดังกล่าวโดยมีรัฐมนตรีอีกหลายคนอยู่ในคณะ ทำงานเรื่องงบประมาณร่วมกันไม่น่าจะเป็นผลดี เพราะคนที่อยู่ในครม.หรือวงราชการคือคนที่ต้องถูกตรวจสอบจาก ป.ป.ช. ถ้าต้องทำงานร่วมกันเรื่องงบประมาณจะเกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความเกรงใจ ผลประโยชน์ขัดกัน หรือสร้างความเป็นเครือข่ายขึ้นมา และตัวกองทุนก็พูดเรื่องการมีสินบนซึ่งเป็นอันตรายเพราะระบบสินบนของหลายหน่วยงานในขณะนี้มีปัญหาอยู่มาก ซึ่งป.ป.ช.กับฝ่ายบริหารต้องมีระยะห่าง แม้แต่ในรัฐธรรมนูญตนก็ไม่เห็นด้วยที่กำหนดว่าการร้องเรียน ป.ป.ช.ต้องผ่านประธานรัฐสภา ซึ่งปกติเป็นคนฝ่ายรัฐบาลอยู่แล้ว ความจริงควรเหมือนเดิมที่สามารถฟ้องศาลได้เลย ซึ่งในอดีตก็มี ป.ป.ช.ชุดหนึ่งถูกฟ้องและศาลฎีกาฯตัดสินว่ามีความผิดด้วยที่ทำสำเร็จได้เพราะฝ่ายค้านสามารถไปฟ้องตรงแต่เมื่อกำหนดให้ฟ้องผ่านประธานสภาก็อาจเกิดปัญหาที่ประธานสภาไม่ส่งไปยังศาล ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่ออีกว่า 4.อยากให้กระบวนการปราบปรามการทุจริตสามารถใช้ประโยชน์จากภาคส่วนต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งนี้นิยามคำว่าผู้เสียหายยังแคบไป เพราะในความเป็นจริงประชาชนคือผู้เสียหายจากการทุจริตทั้งสิ้น จึงควรระบุให้ประชาชนคือผู้เสียหายสามารถร้องเกี่ยวกับการทุจริตได้เพราะเป็นผู้เสียภาษี ส่วนที่ห่วงว่าจะทำให้เกิดการร้องเรียนไม่สิ้นสุดนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้หากร้องแบบไม่มีสาระ ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ ก็จำหน่ายเรื่องได้อยู่แล้ว ไม่คิดว่าเสียเวลา เพราะที่ผ่านมา ป.ป.ช.เองก็รับหลายเรื่องที่ผู้ร้องไม่มีอะไรเลยนอกจากการตัดข่าวหนังสือพิมพ์ ดังนั้นการให้ประชาชนเป็นผู้เสียหายจึงไม่ใช่เรื่องที่จะสร้างภาระให้กับ ป.ป.ช.จึงควรเปิดกว้างในส่วนของนิยามคำว่าผู้เสียหาย และเห็นว่าในร่างกฎหมายดังกล่าวยังมีการใช้ประโยชน์จากงานวิชาการ การทำงานขององค์กรภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามาเชื่อมโยงน้อยเกินไป อยากให้ปรับปรุงเพราะกฎหมายมีความสำคัญมาก เนื่องจากตามโครงสร้างของรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. ถือเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ปัญหาเรื่องการใช้อำนาจในทางไม่ชอบ