'กรุงศรี' ชี้สินเชื่อเอสเอ็มอีโต 6.8%

'กรุงศรี' ชี้สินเชื่อเอสเอ็มอีโต 6.8%

กรุงศรีชี้สินเชื่อ "เอสเอ็มอี" โต 6.8%

กรุงศรีฯ ตั้งเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอีปีนี้โต6.8%น้อยกว่าปีก่อนที่14% เผยหากสินเชื่อโตสูงต้องแข่งแย่งเงินฝาก หันใช้กลยุทธ์มุ่งขยายฐานลูกค้าในกลุ่มที่ต้องการใช้กรุงศรีเป็นธนาคารหลักเดินบัญชี ช่วยให้ธนาคารได้ทั้งสินเชื่อเงินฝากต้นทุนต่ำและรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่ม

นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ตั้งเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอีกลางและเล็กในปีนี้เติบโต 6.8% หรือมีสินเชื่อคงค้างรวม 1.64 แสนล้านบาทจากปีก่อนที่มีสินเชื่อคงค้าง1.53แสนล้านบาทเติบโต14%จากปีก่อนหน้า

“เราตั้งเป้าโตต่ำกว่าปีก่อนเพราะมองว่าปีนี้สินเชื่อโดยภาพรวมจะโตสูง ทำให้ธนาคารต่างๆ ต้องแข่งขันดึงเงินฝากทำให้ต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นซึ่งในส่วนของธนาคาร ไม่อยากลงไปแข่งหรือแข่งให้น้อยที่สุดจึงตั้งเป้าโตที่ต่ำกว่าปีก่อน”

สินเชื่อในปีนี้ธนาคารจะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มที่ใช้สินเชื่อหมุนเวียนหรือใช้ธนาคารเป็นธนาคารหลัก (main bank) ในการเดินบัญชีทำธุรกรรมรับจ่ายต่างๆมากกว่าการเป็นธนาคารที่มุ่งปล่อยสินเชื่ออย่างเดียวซึ่งนอกจากธนาคารจะได้ปล่อยสินเชื่อแล้ว ยังทำให้ได้เงินฝากที่มีต้นทุนต่ำมาด้วย อีกทั้งมีรายได้จากค่าธรรมเนียมการทำรายการต่างๆด้วย

การดึงลูกค้าให้มาใช้กรุงศรีเป็นธนาคารหลัก ธนาคารได้เดินสายติดต่อลูกค้าเอสเอ็มอีที่มีอยู่กว่า1.5หมื่นรายให้มาลงทะเบียนกรุงศรีพร้อมเพย์สำหรับนิติบุคคล ซึ่งหากมาลงทะเบียนกับธนาคารภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ และทำรายการผ่านอินเทอร์เน็ตจะฟรีค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างธนาคาร ฟรีการโอนจ่ายเงินเดือนพนักงานจนถึง 30 มิ.ย.2561พร้อมฟรีค่าธรรมเนียมรายปีในปีแรกและค่าติดตั้งระบบด้วย

“จากลูกค้าทั้งหมด 1.5 หมื่นราย ธนาคารได้ติดต่อลูกค้าไปแล้ว 1.2 หมื่นรายซึ่งกว่า 50% สนใจที่จะลงทะเบียนพร้อมเพย์ ส่วนที่เหลือยังไม่สนใจใช้พร้อมเพย์ หลังจากออกโปรโมชั่นนี้มา ก็คาดว่าจะช่วยดึงลูกค้าเอสเอ็มอีมาลงทะเบียนมากขึ้น ซึ่งหลังจากที่ภาครัฐเปิดให้ลงทะเบียนพร้อมเพย์นิติบุคคลตั้งแต่ต้นเดือนมา มีลูกค้ามาลงทะเบียนกับกรุงศรีแล้ว 1.8-2 พันราย”

สำหรับภาพรวมสินเชื่อเอสเอ็มอีตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเติบโตใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหรือเติบโตไม่ถึง 5% แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะมีการฟื้นตัว แต่ก็ยังฟื้นมาจากการใช้จ่ายของภาครัฐส่วนความเชื่อมั่นนักลงทุนและความมั่นใจของผู้บริโภคยังไม่ค่อยมา 

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลของสินเชื่อเอสเอ็มอีมีแนวโน้มที่ดีขึ้นและคิดว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ทำให้แนวโน้มเอ็นพีแอลในปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่เอ็นพีแอลในกลุ่มสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับตลาดหรือต่ำกว่า4-5%