ปัจจัยต่างประเทศกดดัน 'หุ้นไทย'

ปัจจัยต่างประเทศกดดัน 'หุ้นไทย'

นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทย "ร่วงต่อ" ปัจจัยต่างประเทศกดดัน ขณะที่ปัจจัยบวกในประเทศยังไม่มี

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินทิศทางตลาดไทยวันนี้ (28 มี.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปรวมทั้งสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆได้รับผลกระทบจากร่างกฎหมาย ด้านสุขภาพ ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ

ทั้งนี้ การที่กฎหมายฉบับนี้ ซึ่งจะเป็นฉบับแรกในการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่สามารถทำให้สภาฯไว้วางใจได้ อาจส่งผลไปถึงกฎหมายฉบับอื่นๆ โดยเฉพาะกฎหมายที่มีผลต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้น คือกฏหมายปฎิรูปด้านภาษี (ลดภาษี)

ผลพวงจากเรื่องดังกล่าวผนวกกับความเสี่ยงที่นักลงทุนกำลังจับตาดูคือ เบรกซิท และ เลือกตั้งของฝรั่งเศส-เยอรมัน ส่งผลให้ นักลงทุนให้ความสนใจสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และสินทรัพย์ที่จะได้รับผลบวกจากดอกเบี้ย (สหรัฐฯ) ที่คาดจะทรงตัวในระดับนี้ไปอีกระยะหนึ่ง หลังแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะล่าช้ากว่าที่ประมาณการกัน สินทรัพย์ที่เป็นบวกในช่วงเวลาแบบนี้ อาทิ พันธบัตร ทองคำ เงินเยน และตลาดหุ้น ตลาดเกิดใหม่ ที่มีการเติบโตที่ดี

โดยปริมาณการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นเอเซีย มีเงินไหลเข้าหลายตลาด ยกเว้นตลาดหุ้นของฟิลิปินส์ ที่ยังเป็นขายสุทธิต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินสกุลเอเชีย เงินบาท นั้นแข็งค่าพอๆ กับอีกหลายประเทศ คือ เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินโดนีเซีย คือแข็งค่ากว่า 2-2.7% ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับเม็ดเงินที่ไหลเข้าตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ และเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อตลาดเลยทีเดียว

ส่วนปัจจัยในประเทศรัฐบาลกำลังถูกจับตามองในเรื่องแผนลงทุนในโครงการคมนาคม ที่อาจมีความล่าช้าแต่ในการส่งเสริมการลงทุน (ทางตรง) เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดในเวลานี้

"ตลาดวันนี้คาดว่าจะยังผันผวนตามตลาดต่างประเทศ จากความกังวลเรื่องกฎหมายด้านสุขภาพของสหรัฐฯ ดัชนีฯ มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยรวมๆ ยังแนะนำให้ “ถือ” หุ้นต่อ หุ้นกลุ่มเด่นๆ จะเป็นหุ้นในกลุ่มที่อิงรายได้ในประเทศ หุ้นในกลุ่ม Defensive หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ยังมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ยังต่ำกว่าระดับ 50 ดอลลาร์ต่บาเรล ทั้งนี้ หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้