หุ้นใหญ่ 'ไอทีดี' โกยปันผล

หุ้นใหญ่ 'ไอทีดี' โกยปันผล

หุ้นใหญ่ไอทีดีโกยปันผล “2 ตระกูลดัง” รับกว่า50%

วันที่ 28 มี.ค.นี้ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)ITDแขวนเครื่องหมายXDไม่ได้รับสิทธิเงินปันผล โดยบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2559 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.01026 บาท และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26พ.ค. 2560 โดยจ่ายปันผลจากกำไรสะสม

หากพิจารณาข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ พบว่า บริษัทอิตาเลียนไทย จ่ายปันผลงวดปี2559 ถือเป็นการจ่ายครั้งแรกในรอบ 5 ปีย้อนหลัง ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลครั้งสุดท้ายเมื่องวดปี 2553 ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลอัตรา 1.17%

ทั้งนี้ จากโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทอิตาเลียนไทย ล่าสุดพบว่าการถือครองหุ้นส่วนใหญ่จะอยู่ในมือของ เปรมชัย กรรณสูต และวิชัย วชิรพงศ์ หรือเสี่ยยักษ์ ซึ่งทั้งคู่ถือครองหุ้นรวมกัน ทั้งทางตรงและทางอ้อม น่าจะมีสัดส่วนรวมกันมากกว่า 50%

 ขณะที่อัตราการจ่ายเงินปันผลครั้งนี้อยู่ที่ 0.01026 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นอัตราที่ไม่สูงมากนัก แต่ถ้าหากมาคำนวณแล้วจะพบว่าทั้ง 2 ตระกูลน่าจะรับเงินปันผลมากสุด

อย่างไรก็ตาม ในปี2559แม้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลขณะที่ยังมีผลขาดทุนสุทธิ 109.27 ล้านบาท

บล.ทิสโก้ระบุว่า ผลขาดทุนลดลงในไตรมาส4/2559 เนื่องจาก Gross margin ดีขึ้นแต่ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่ยังคงสูง ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี2559 มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติที่ 228 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไร 96 ล้านบาทในปี 2558 เนื่องจากรายได้ก่อสร้างลดลงแต่ ค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มขึ้นจาก 4.8% ของรายได้ก่อสร้างเป็น 6.1% ส่งผลให้กำไรเบื้องต้นยังคงไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่าย

ฝ่ายวิจัยมองว่าความสามารถในการทำกำไรยังต่ำ ปัญหามาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและภาระดอกเบี้ยจ่ายสูงมาก ตราบใดที่รายได้ก่อสร้างยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือยังไม่มีความคืบหน้าจากโครงการทวายและเหมืองโปแตช ก็จะยังไม่เห็นผลกำไรดีขึ้น ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงปรับประมาณการกำไรลดลง ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงคือหากบริษัทได้รับงานใหม่น้อยกว่าที่คาด, ภาวะเศรษฐกิจที่จะกระทบต่อการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ, รายได้จากการขายที่ดินในทวายเข้ามาช้ากว่าที่คาด รวมทั้งราคาวัตถุดิบที่ผันผวนกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้น และข้อมูลของบริษัทที่มีจำกัด

บล.โนมูระ พัฒนาสิน คาดไตรมาส1/2560 มีแนวโน้มที่จะพลิกกลับมามีกําไรปกติทั้งเทียบจากงวดเดียวกันปีก่อน จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง นอกจากนี้ ดอกเบี้ยจ่ายก็ลดลงด้วย ส่วนทั้งปีคาดพลิกมีกำไรสุทธิ 371 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มองว่าแนวโน้มกําไรปกติจะไม่ได้มากเท่ากับรายได้ที่เติบโต ตามการได้โครงการก่อสร้างเพิ่มต่อเนื่อง จากแรงกดดันของค่าใช้จ่ายการบริหารที่มีค่าเผื่อหนี้ฯ ต่อเนื่อง และดอกเบี้ยจ่ายที่อยู่ในระดับสูง จากโครงการลงทุนทวาย และเหมืองโปแตช ยังไม่สร้างผลกําไรกลับมาในระยะ 2-3 ปี ข้างหน้า

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า การที่โครงการโปแตช และทวายที่มีความล่าช้าทำให้ราคาหุ้นขาดแรงกระตุ้นในด้านบวก และภาระหนี้ที่สูงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการขยายการลงทุนโครงการต่างๆโดยคาดการณ์ปี2560 จะมีกำไรสุทธิ 33 ล้านบาท